Category: Japan
-
วิธีกรอกเอกสารตม.เข้าญี่ปุ่น
วิธีกรอกใบตม.เข้าประเทศญี่ปุ่น (Embarkation – Disembarkation Card) จะต้องกรอกเอกสารให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเข้าประเทศญี่ปุ่น วิธีกรอกใบศุลกากรประเทศญี่ปุ่น
-
วิธีการขึ้นรถบัสที่ญี่ปุ่น
วิธีการขึ้นรถบัสที่ญี่ปุ่นนั้นสะดวกสบายมากค่ะ แม้กระทั่งผู้พิการ หรือคุณแม่ที่ต้องเข็นรถเข็นพาลูก ๆ ไปเที่ยว ก็สามารถใช้บริการรถบัสได้หมด เนื่องเจ้าเมื่อรถจอดตัวรถจะปรับระดับลงมาเพื่อให้ก้าวขึ้นลงได้ง่าย และในรถยังจัดโซนสำหรับรถเข็นไว้ให้ด้วย Open World Travels มาเตรียมข้อมูลวิธีการขึ้นรถบัสให้เพื่อน ๆ ได้เตรียมพร้อมไปเที่ยวกันแล้วค่ะ 1. การขึ้นให้ขึ้นที่ประตูกลางรถหรือหน้ารถซึ่งแต่ละจังหวัดจะแตกต่างกัน โดยรสบัสแต่ละคันจะมี เครื่องหมายทางขึ้นบอกไว้ (เข้าแถวตามคิว) 2. ตรงประตูด้านขวามือจะมีเครื่องออกตั๋วให้หยิบตั๋วออกมา แต่หากเรามีบัตรชนิดเติมเงิน (IC card) ให้แตะบัตรที่แป้นแทน 3. ถ้าหยิบตั๋วออกมา (ถ้าใช้ IC Card จะไม่ได้ตั๋ว) ที่ตั๋วจะมีหมายเลขบอกลำดับป้าย เช่น ป้ายที่ 5 4. ดูป้ายไฟด้านหน้ารถในช่องลำดับป้ายที่เราขึ้นมา จะแสดงราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะทาง เช่น ป้ายที่ 10 ราคาอยู่ที่ 370 เยน (บางเส้นทางราคาเท่ากันหมดตลอดสาย) 5. โดยก่อนถึงป้ายถัดไปจะมีเสียงประกาศหรือมีป้ายบอกสถานีถัดไป หากต้องการลงให้กด กริ่ง (มีหลายจุด) รอให้รถจอดสนิทแล้วเดินไปที่ประตูหน้า 6. หย่อนตั๋วและหยอดเหรียญให้พอดีลงในช่องเหรียญ (ถ้าไม่มีเหรียญพอดีให้ใส่แบงค์ลงในเครื่อง แลกเงินก่อน)…
-
วิธีซื้อ IC Card (ICOCA)และวิธีเช็คเงินคงเหลือในบัตร ที่สนามบินคันไซ (Kansai Airport)
หากใครที่ชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเอง และเพิ่งเคยไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก หลังจากลงเครื่องที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว การเดินทางเข้าเมืองนั้นก็มีให้เลือกอยู่หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นนั่งรถบัส อันนี้ก็สะดวกมากๆ ยิ่งคนที่มีกระเป๋าเดินทางใหญ่ๆ หรือต้องการที่นั่งสบายๆ ไม่ต้องไปแย่งที่นั่งกับใคร open world trsvels แนะนำวิธีนี้เลยค่ะ หรืออีกตัวเลือกนึงที่คนนิยมกันนั่นก็คือ นั่งรถไฟ ซึ่งที่สนามบินคันไซมีบริษัทขนส่งให้เลือกอยู่ 2 บริษัท นั่นก็คือ JR และ Nankai ซึ่งไม่ว่าเราจะเลือกวิธีการเดินทางแบบใดๆ บัตร IC Card นั้นก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้งานเนื่องจากสามารถเติมเงินเข้าไปในบัตรหลังจากนั้นเมื่อต้องการเดินทางไม่ว่าจะเป็นรถบัส หรือรถไฟ และไม่ว่าจะเป็นของบริษัทไหน บัตร IC Card ก็สามารถใช้แสกนเพื่อเข้าสถานี หรือขึ้นรถได้ทั้งนั้น นอกจากนั้นยังสามารถนำไปใช้ซื้อของในร้านสะดวกซื้อ เช่น family mart , 7-11 และ Lawson ได้อีกด้วย สนามบินคันไซ(Kansai Airport) เป็นสนามบินยอดฮิตที่มีหลายสายการบินจากประเทศไทยมาลง เช่น Air Asia X, Nok Scoot, การบินไทย,…
-
[รีวิวเกียวโต] : Ineno Funaya หมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (Most beautiful fishing village in Japan)
Ineno Funaya (Ine Town) เป็นหมู่บ้าน Hidden Place ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยท่ีสุดในญี่ปุ่นเลยนะ เพราะบ้านแต่ละหลังเค้ายังคงอนุรักษ์ไว้ให้คงสภาพเดิมๆ หลังคามุงด้วยฟางข้าว ชั้นล่างเป็นโรงเก็บเรือชาวประมงริมน้ำ เมืองชนบทเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดเกียวโตและตั้งอยู่ในคาบสมุทรเคียวทังโกะ พวกเราออกเดินทางจาก Amanohashidate ขับรถกันมาไม่นาน ใช้เวลาแค่เกือบๆ 1 ชั่วโมง ก็มาถึง Ineno Funaya แห่งนี้แล้ว ในตอนที่แพลนเที่ยวกันกับเพื่อนๆ ก็ตั้งใจว่าจะมานอนที่นี่อยู่เหมือนกันนะ เพราะจากที่อ่านรีวิวมาถ้ามาพักที่นี่จะได้อารมณ์มาพัก guest hourse ชั้นล่างเป็นบ้านพักคนญี่ปุ่นข้างบนแบ่งให้เช่าอะไรประมาณนี้ แต่…ด้วยความที่แพลนหนาแน่น อยากจะไปนอนเต้นท์ อยากไปปิ้งย่างบาร์บีคิวเลยกลายเป็นว่าไม่มีคืนไหนว่างให้มานอนที่นี่เลย 555 แต่อย่างน้อยขอแวะมาก็ยังดี เพราะเราได้ยินมานานแล้ว อยากเห็นจะแย่แล่ว จุดหมายปลายทางจาก google ของเรานำทางมาจนถึง Ine Tourist Information แห่งนี้ ด้านข้างๆ เป็นที่จอดรถอัตโนมัติ ตอนเข้าสามารถเข้าไปจอดได้เลย ส่วนตอนออกก็กดเลขของช่องจอดรถ ใส่จำนวนเงินที่ขึ้นมาบนป้ายไฟแค่นี่ก็เรียบร้อยแล้ว แถมยังมีภาษาอังกฤษบอกวิธีจ่ายเงินด้วย จอดรถเสร็จแล้ว เราก็เดินเข้ามายัง Ine Tourist…
-
[รีวิวเกียวโต] : เมืองโบราณ Miyama Kayabuki-no-sato เที่ยว 1 day จากเกียวโต
วันนี้เราได้มาเยือนเมืองโบราณ Miyama Kayabuki-no-sato เมืองที่ยังมีภาพแห่งจินตนาการของเด็กนักเรียนเดินอยู่บนฟุตบาททุกอย่างรอบกายรายล้อมด้วยผืนป่าสีเขียวขจีกำลังเดินมุ่งหน้าตรงกลับบ้านหลังเลิกเรียน… ช่างเหมือนในละครญี่ปุ่นสมัยก่อน…. Miyama Kayabuki-no-sato เป็นเมืองชนบทที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมเดิมๆ ที่แท้จริงเอาไว้ บ้านแต่ละหลังยังคงมีผู้คนอยู่อาศัย ยังนั่งดูทีวี ซักผ้า หุงข้าว พักผ่อนอยู่ในบ้านหลังคาทรงสูงที่มุงด้วยหญ้าคาสไตล์ kayabuki อยู่ ซึ่งเป็นหลังคาที่ทำจากหญ้าชนิดหนึ่งที่เรียกว่า kaya นำมามัดรวมกันให้หนาเพียงพอสำหรับป้องกันหิมะในช่วงฤดูหนาว หากใครที่ชื่นชอบการได้ซึมซับประวัติศาสตร์ ประเพณี วิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบสมัยก่อนแล้วหล่ะก็ บอกได้คำเดียวว่าที่นี่ตอบโจทย์เลยหล่ะ ตัวเราก็เช่นกัน การได้มาท่องเที่ยวที่ที่ยังสามารถมองสะท้อนไปในอดีตได้แบบนี้ เป็นอะไรที่ช่างมีเสน่ห์ซะเหลือเกิน Miyama Kayabuki-no-sato ลองดูกันให้ดีหมู่บ้านแห่งนี้นั้นดูคล้ายคลึงกับสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน อย่าง “ชิราคาวาโกะ / Shirakawa-go” มากๆ ด้วยรูปทรงของหลังคาที่มีลักษณะเดียวกัน ถ้าไม่มีใครบอกก็คิดว่าที่นี่คือ ชิราคาวาโกะ นั่นเลยแหละ 🚌🚌แต่…การเดินทางจากโอซาก้าหรือเกียวโตไป Shirakawa-go นั้นค่อนข้างยุ่งยากอยู่สักหน่อย แถมใช้งบประมาณพอควรเลยทีเดียว ที่นี่จึงเป็นตัวเลือกนึงที่น่าสนใจไม่น้อยเพราะสามารถเดินทางเที่ยววันเดียว หรือ 1 day trip จากโอซาก้าและเกียวโตได้ด้วย วิธีเดินทาง สามารถเดินทางมาด้วยรถไฟแล้วต่อรถบัส ใช้เวลาเดินทางประมาณ…
-
วิธีดูป้ายขึ้นรถไฟในญี่ปุ่น🇯🇵
ปกติแล้วพอเราเดินเข้าไปยังสถานีรถไฟแล้ว ส่วนใหญ่ก็ต้องมองหาป้ายนี้ เพื่อดูว่าเราจะไปรอรถที่ชานชาลาไหน ซึ่งถ้าหากใครยังไม่คล่องจุดนี้ถือว่าสำคัญนัก อาจจะทำให้ไปผิดชานชาลาแล้วทีนี้นั่งมึนผิดทางไปลงไหนไม่รู้ บางคนนี่ไปอีกเมืองนึงเลยก็มี🤣🤣 . ✍🏻วันนี้เราเลยเอาวิธีการดูมาฝากขั้นตอนมีดังนี้ 1️⃣ต้อง search google หรือ hyperdia ก่อนว่าสถานีที่เราต้องการจะไป ปลายทางคือที่ไหน (เพราะมันก็จะผ่านสถานีที่เราจะลงก่อนไปถึงปลายทางนั่นเอง) 2️⃣ เช็คประเภทรถไฟว่าเป็นแบบไหน (อธิบายในรูป2) 3️⃣ดูชานชาลา และเวลาที่รถไฟจะมาถึง เรียงจากสถานีที่จอดน้อย(ถึงเร็ว) -> มาก(ถึงช้า) ****แต่ Limited Express มักแพงกว่ารถไฟประเภทอื่นๆ โดยจะมีเจ้าหน้าที่มาเดินเก็บเงินเพิ่มในขณะที่อยู่ในรถไฟ
-
[รีวิวฮอกไกโด] : วิธีเดินทางไป ฮาโกดาเตะ ด้วยรถบัส (Bus from susukino to Hakodate)
วิธีเดินทางจากซัปโปโรไปฮาโกดาเตะนั้น มีให้เลือกอยู่หลายแบบด้วยกัน แต่ถ้าพูดถึงการเดินทางด้วยรถสาธารณะ มีให้เลือก 2 วิธี นั่งรถไฟ จากสถานีซัปโปโร (Sapporo Station) -> สถานีฮาโกดาเตะ (Hakodata Station) ใช้เวลา 3.40 ชม. ราคา 8,830 เยน ประมาณ 2,600 บาท นั่งรถบัส ซึ่งเรานั่งจาก Shiden Tram Susukino -> Hakodate Station Terminal ใช้เวลา 6 ชม. ราคา 4,600 เยน ประมาณ 1,380 บาท (ถ้าเลือกไปตอนกลางคืนก็จะประหยัดค่าโรงแรมไปในตัว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยและเพลียกว่าเดิมนะ><) เราจองตั๋วรถบัสผ่าน Website : https://japanbusonline.com/en/ ก่อนเวลา 1 ชม. เราเดินมารอที่ป้ายนี้แล้ว พิกัด : 43.0556302,141.3522879 อยู่ใกล้ๆ…
-
[รีวิวฮอกไกโด] : ลิงแช่บ่อน้ำร้อน ที่สวนพฤกษศาสตร์เขตร้อน (Hakodate Tropical Botanical Garden /函館市熱帯植物園)
มาฮอกไกโดได้ยินมาว่ามีสถานที่ดูลิงแช่น้ำร้อน เดินทางง่าย ไม่ไกลจากตัวเมืองฮาโกดาเตะ(Hakodate) ตอนนี้เราก็มายืนอยู่ที่เมืองนี้กันแล้ว ฮาโกดาเตะ เมืองแห่งท้องทะเลฮอกไกโด วันนี้เราเก็บภาพฝาท่อของเมืองนี้ได้ 3 อัน เป็นงานอดิเรกในการมาเที่ยวญี่ปุ่นในทุกๆครั้ง เรานั่งรถบัสที่ชื่อว่า Hakodate Bus หมายเลข 96 มาลงป้าย Nettai Shokubutsu-en แล้วเดินข้ามสะพานที่มองออกไปเป็นท้องทะเลและฟ้าสีคราม จากนั้นก็มีป้ายบอกทางให้เดินไปต่อที่สวนพฤกษศาสตร์เป็นรูปลิงเป็นสัญลักษณ์ และแล้วก็เดินมาถึงหน้าทางเข้าสวนแห่งนี้กันแล้ว สวนพฤกศาสตร์เขตร้อนเมืองฮาโกดาเตะแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณน้ำพุร้อนยุโนคาว่า (Yunokawa Hot Spring) ค่าเข้า 300 เยน แลนมาร์คอย่างแรกที่ทุกคนมุ่งตรงไปก็คือเจ้าลิงนี่ไง นั่งชมความน่ารักของลิงในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน แต่เสียดายลิงไม่ยอมแช่ออนเซน ที่นี่เป็นสถานที่ที่ปลูกพืชเมืองร้อนอย่างบ้านเราด้วยนะ เดินเข้าไปจะได้เจอกับต้นไม้ ดอกไม้ที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อยเลย อย่างเช่นดอกไม้ชนิดนี้ ชื่ออะไรน้ ขุ่นพ่อขุ่นแม่มานั่งเล่นรออยู่ที่ใต้ต้นดอกเฟืองฟ้า แหมม โรแมนติกจังเลยน้า มีน้องเต่า ปลาคาร์ฟ ด้านนอกมีที่แช่เท้าด้วย เวลาเปิด-ปิด เดือนเมษายน – ตุลาคม เวลา 9.30 – 18.00 น. เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม เวลา…
-
[รีวิวฮอกไกโด] : Muji Hakodate Koryokaku
หนึ่งในร้านที่เราต้องแวะเข้าไปเดินเล่นเมื่อเข้าไปในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ก็คงหนีไม่พ้น Muji ที่เป็นแหล่งรวมสินค้าไลฟ์สไตล์สัญชาติญี่ปุ่นที่มีทั้งเครื่องเขียน เครื่องประทินผิว ของใช้ในบ้าน เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงของกินและอื่นๆ อีกมากมาย เพราะสินค้าของที่ี่ทั้งคุณภาพดีและราคาไม่แพง ทำให้กลายเป็นหนึ่งในไอเท็มยอดฮิตที่อย่างน้อยต้องเป็นเจ้าของสักชิ้น สองชิ้น สโตร์ทขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่าหนึ่งพันตารางเมตร ในเรื่องของการตกแต่ง ที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแบบ minimal ดังนั้นเมื่อเข้าไปในร้านก็จะรู้สึกถึงความสบายๆ โล่งๆ และเป็นกันเอง นอกจากการเป็นแฟล็กชิปสโตร์แล้ว Muji แห่งนี้ยังมีโซนสินค้าต่างๆ เช่น – Found Muji (ฟาวนด์ มูจิ) ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสมรวมกับเอกลักษณ์ความเป็น Muji ที่ทันสมัยให้เข้ากับชีวิตของเราในปัจจุบัน – Muji Labo (มูจิ เลโบล์) เสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องยึดติดกับแฟชั่นเดิมๆ เพื่อเปลี่ยนความคิดที่ว่าเรามีเสื้อผ้าเยอะเกินความจำเป็นและทำให้ตู้เสื้อผ้าของเรามีพื่นที่ว่างมากขึ้นเพื่อเก็บสิ่งของจำเป็น – Muji Yourself (มูจิ ยัวร์ เซลฟ์) ตกแต่งสินค้าไอเท็มกระดาษของมูจิ ในแบบของตัวเอง เช่น สมุดบันทึก อัลบั้ม ซองจดหมาย ด้วยตราปั๊มแบบพิเศษที่ของ Muji – ReMuji (รี มูจิ) ไอเท็มรักษ์โลกบนแนวคิด วิถีแฟชั่นที่ยั่งยืน…