Sapporo Beer Museum (サッポロビール博物館) เป็นแหล่งผลิตเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และรสชาติเบียร์ของที่นี่ก็ยังทำให้คอเบียร์ติดใจจนโด่งดังไปทั่วโลกด้วยชื่อ “Sapporo Beer” ตามสถานที่ผลิตนี่เอง
ที่นี่เค้าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของซัปโปโรที่นักเที่ยวต่างต้องเดินทางมาเยี่ยมชมนั่นก็เพราะ
- Sapporo Beer Museum (サッポロビール博物館) มีพิพิธภัณฑ์เบียร์ที่จัดแสดงกระบวนการผลิตเบียร์ เครื่องมือสำหรับการต้มเบียร์ และประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเบียร์ ในบริเวณชั้นที่ 2 และ 3 (ฟรี) นอกจากนั้นหากต้องการชมแบบพรีเมียม (มีค่าใช้จ่าย)ในทุก ๆ 20 นาที เค้าจะมีไกด์พาทัวร์เพิ่มเติม เช่น วิธีการรินเบียร์ให้ถูกวิธี ส่วนในบริเวณชั้น 1 จะมีเลาจ์ให้ทดลองชิมผลิตภัณ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเบียร์ซัปโปโรอีกหลายชนิดด้วย
- Sapporo Beer Garden สวนเบียร์ซัปโปโร ที่มีร้านอาหารบุฟเฟต์ All You Can Eat สไตล์เนื้อแกะย่างเจงกิสข่าน(มีไก่ หมู เนื้อแกะให้เลือก)
- อาคารอิฐแดงหลังใหญ่ที่มีปล่องไฟสูงขึ้นไปบนฟ้าสวยงามอลังการเหมาะแก่การเก็บภาพไว้ในความทรงจำ
- ห้าง Ario Sapporo (アリオ札幌) ที่มีร้านค้าให้ช๊อปปิ้งมากมาย เช่น Uniqlo, GU, ABC Mart, Starbucks มีอะไรอีกบ้างเข้าไปชมในเวปเค้าได้เลย http://www.ario-sapporo.jp/web/
วิธีการเดินทางด้วยรถไฟ : จากสถานี Sapporo โดยใช้รถไฟสาย Toho Line ให้เดินทางไปยังสถานี Higashi Kuyakusho-mae แล้วเดินอีก 10 นาที
วิธีการเดินทางด้วยรถบัส1 : จากสถานี Sapporo ออกทางทิศใต้ และขึ้นรถบัสโดยสาร Chuo bus และลงที่ Sapporo Beer garden
วิธีการเดินทางด้วยรถบัส2 : จากสถานี Sapporo ออกทางทิศเหนือ และขึ้นรถบัสสาย Naebo North Line bus และลงที่สถานี Sapporo Biruen-mae ลงจากรถปุ๊บก็จะเจอพิพิธภัณฑ์จเลย
บริเวณด้านหน้าทางเข้า Sapporo Beer Museum
ด้านข้างอาคารก็จะมีทางเข้าที่เป็นแสงไปสว่างๆให้เห็น
ด้านหน้ามีป้ายบอกชัดเจนทำให้พวกเราเดินไปได้ถูกทาง
จากนั้นก็เดินเข้าไปที่นี่เพื่อจองคิวบุฟเฟต์เนื้อย่างเจงกิสข่านกัน
ภายในอาคารลำดับแรกสุดที่เดินมาเจอคือ information แห่งนี้ที่พวกเราเดินเข้าไปขอจองคิวบุฟเฟต์เนื้อย่างเจงกิสข่าน (Genghis khan)
พนักงานจะให้เลือกฮอลที่ต้องการนั่งรับประทาน
และโซนสูบบุหรี่หรือไม่สูบ ถ้าโซนสูบบุหรี่ที่ญี่ปุ่นเค้านั่งสูบกันที่โต๊ะทั้งควันจากอาหารควันจากบุหรี่ออกมาข้างนอกเราจะกลายเป็นเหมือนฮอทดอดรมควันกันเลยหล่ะ 555 จากนั้นก็ทิ้งเบอร์โทรไว้ให้เค้าถ้าถึงคิวเราพนักงานจะโทรมาเรียก
ในระหว่างที่ต้องรอคิวโต๊ะว่างอีกประมาณ 1 ชม. พวกเราก็มาเดินเล่นรอบๆ บริเวณอาคารอิฐแดงกัน
ทางด้านหลังอาคารยังมีต้นแปะก๊วยที่ใบค่อยๆกลายเป็นสีเหลืองจนเกือบหมดทั้งต้นแล้วเหลือก็แค่ตรงปลายกิ่งที่ยังเป็นสีเขียว ตัดกับไม้เลื้อยตรงผนังตึกที่ใบเป็นสีแดงได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นบริเวณทางเดินไปห้าง Ario Sapporo เค้าก็มีไลท์อัพให้ชมกันอีก
ข้างในห้าง Ario อย่างที่บอกไปว่ามีที่ช๊อปปิ้งเยอะมากทั้ง Uniqlo, GU, ABC Mart, Starbucks และร้าน chococro st marc cafe ร้านโปรดข้างข้าเจ้าเลย ขนมปัง ครัวซอง กาแฟ อร่อยมากๆ
ในวันที่ 20/11/2018 เค้าก็มีการตกแต่งประดับประดาต้นไม้ด้วยไฟหลากสีสันให้กลายเป็นต้นคริสมาสต์ทำให้บริเวณภายในสวนแห่งนี้สว่างไสวสวยงามสุดๆ ไม่ดูมืดและน่ากลัวแต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในเมืองแห่งเวทมนต์ยังไงยังงั้น
Sapporo Beer Garden เป็นสถานที่ที่ข้าเจ้าประทับใจในความสวยงามเป็นอย่างมากจริงๆ ถึงแม้ว่าข้างนอกจะอากาศหนาวแต่สีส้มแดงของตัวตึกและแสงสีระยิบระยับที่ส่องสว่างมาจากต้นไม้ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้บ้างเหมือนกันนะ
และแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พนักงานโทรมาบอกว่าถึงคิวพวกเราแล้ว
ได้เข้ามานั่งสักทีเสียงคนชนแก้วเฮฮากันสนั่นหวั่นไหว ครึกครื้นดีทีเดียว
พวกเราได้นั่งโต๊ะด้านหน้าสุดติดกับบริเวณที่พนักงานเสริฟอาหารเลย
จากนั้นก็เลือกคอสบุฟเฟต์กัน
พวกเราสั่งบุฟเฟต์ในราคาคนละ 2,900 เยน 100 นาที อาหารที่สั่งได้จะมีเนื้อหมู ไก่ เนื้อแกะ และผักชุด น้ำเปล่าฟรี ส่วนน้ำอื่นๆต้องสั่งเพิ่ม
เนื้อแกะมีอยู่ 2 แบบให้เลือกคือ เนื้อแกะสด และเนื้อแกะแช่แข็ง
ไลน์อาหารที่ทานไม่มากนัก เท่าที่สั่งมาก็มีประมาณนี้
กระทะปิ้งย่างสำหรับเนื้อเจงกิสข่านจะเหมือนร้านหมูกระทะบ้านเราที่ตรงกลางจะพองขึ้นมา ข้างๆเอาไว้ใส่ผัก แต่ไม่มีน้ำซุปให้เทเหมือนบ้านเรานะ
บ้านนี้ทานไปแค่ 1 ชม ก็อิ่มกันแล้ว ทั้งหมด 6 คน พร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2 แก้ว รวมเป็น 22,221 เยน
★★★สรุปบุฟเฟต์เจงกิสข่านsapporo beer garten(20/11/2018)★★★โหวตจากทุกคนที่ไปให้ ⭐️⭐️⭐️ 2.5 ดาว เนื่องจากเนื้อแกะมีกลิ่นตัวชัดเจนเลย ขนาดพี่ชายและขุ่นแม่ที่เป็นคอเนื้อยังรู้สึกถึงกลิ่นที่ค่อนข้างแรงของเนื้อแกะที่นี่ ส่วนเนื้อหมูก็โอเคใช้ได้แบบปกติ รสชาติอาหารประมาณนี้เลยรู้สึกกชไม่ค่อยคุ้มค่ากับราคาเท่าไหร่
ส่วนข้าเจ้าที่เคยกินเนื้อย่างเจงกิสข่านร้านดังของซัปโปโร นั่นก็คือ ร้านเจงกิสข่านดารุมะ (Jingisukan Daruma Honten) ก็ต้องบอกว่าถ้าอยากกินเจงกิสข่านอร่อยจริงๆ ควรไปร้านนี้มากกว่า ไม่ใช่บุฟเฟต์นะเป็นอะลาคาร์ทนี่หล่ะ ราคากลางๆ แต่เนื้อไม่มีกลิ่นความอร่อยก็ดีงามมากเลยจ้า
🙂กดไลค์ & แชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ🙂
★ติดตามรีวิวอื่นๆ ได้ที่ FACEBOOK : Me Diary ★
Leave a Reply