🇯🇵ร้านอาหารญี่ปุ่น สะกะนะยะ (Sakanaya) ชื่อร้านนี้แปลว่า “ร้านปลา” อ่านชื่อไทยดูท่าจะจำง่ายกว่านะ555 ร้านนี้คนเชียงใหม่อาจจะยังไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่ เพราะเพิ่งจะเปิดมาได้ไม่นานนัก และราคาอาจจะค่อนไปทางสูงหน่อย ๆ สำหรับบุฟเฟต์ ตกคนละ 799 บาทเน็ต แต่ไม่จำกัดเวลานะ คุณภาพอาหารก็ดีงาม แถมมื้อเที่ยงร้านปิดแล้วก็นั่งทานไอติม น้ำชาต่อได้อีก เมื่อได้ลิ้มลองแล้วก็บอกเลยว่า คุ้ม!! จนอยากจะนำเหนอเลยหล่ะ ที่สำคัญ เป็นร้านที่มีตราฮาล้าล คนมุสลิมสามารถทานได้ด้วย:)
จากการศึกษาภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเองของเรา ก็พอจะรู้ศัพท์แสงมาบ้างอย่าง “สะกะนะ” แปลว่า “ปลา” + “ยะ” แปลว่า “ร้าน” = “ร้านปลา” นั่นเอง
ซึ่งร้านนี้จะมีช่วงเวลาเปิด 2 ช่วงของวัน คือ ช่วงกลางวัน 11:00 – 14:00 และช่วงเย็น 17:00 – 21:00
ที่นี่ไม่ได้มีเพียงบุฟเฟต์เท่านั้น แบบ A la carte ก็มีด้วยนะ แต่ถ้าถามถึงเรื่องราคานั้นแบบบุฟเฟต์ถือว่าคุ้มกว่าเยอะมาก
บริเวณหน้าร้านเค้าจัดตกแต่งด้วยต้นไม้และใบเฟริน พร้อมเปิดสปริงเกิ้ลให้น้ำกระจายเป็นละอองเล็กๆ ดูสวยงามร่มรื่นดี และด้านหน้านี้ก็เป็นที่จอดรถมอเตอร์ไซต์อีกด้วย
หลังจากที่เราเอื้อมมือไปเปิดประตูกระจกสีดำที่ไม่สามารถมองเข้าไปข้างในออกกลับต้องแปลกใจกับภายในที่ตกแต่ง ประดับประดาร้านได้อย่างสวยงาม สว่างไสวและลงตัว และ….งุนงงเล็กน้อยว่านี่ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ หรือฟร้อนต์โรงแรม 555ก็มันเหมือนนะ ว่าไหมหล่ะ
ชั้นล่างมีลูกค้านั่งอยู่ก่อนแล้ว 2-3 โต๊ะ พนักงานเดินมาต้อนรับแล้วบอกมีที่นั่งด่านล่างนี้ และข้างบนด้วยเราเลยคิดในใจ ข้างล่างนี่ก็สวยแล้ว ข้างบนน่าจะสวยกว่ารึเปล่า “ขอนั่งข้างบนนะคะ” เรารีบบอกพนักงาน
พนักงานรีบแนะนำ “ด้านบนนี้เป็นร้านกาแฟด้วยนะคะ มีเค้ก มีกาแฟสั่งได้ แต่ไม่รวมในบุฟเฟต์นะคะ”
รายการของเครื่องดื่มก็มีอยู่เยอะมิใช่น้อย แต่วันที่เราไปไม่ได้สั่งเลย เพราะกะจะจัดบุฟเฟต์แบบเต็มๆ
ไปส่องขนมเค้กสักหน่อย เตรียมไว้ทานเป็นของว่างทานคู่กับกาแฟในคราวต่อไป (เตรียมไว้เร็วไปนะเรา)
มาดูไลน์อาหารแบบบุฟเฟต์กัน ที่นี่จะเป็นแบบสั่งอาหารตามเมนู แล้วเชฟจะทำอาหารมาให้ตามออเดอร์เลย ซึ่งข้อดีคือความสด ใหม่ ของอาหารแต่ละจาน
หน้านี้จะเป็นพวกซูชิ และมากิต่างๆ ที่น่าสนใจในไลน์นี้คือ ข้าวปั้นครีบปลาตาเดียว หรือเอ็นกาวะ ที่เนื้อนุ่ม ลื่นปื้ดเข้าปากแล้วแทบจะละลายไปเลย และซูชิปลาต่างๆ สามารถขอให้เชฟย่างให้ด้านหน้าสุกได้ด้วยหรือที่เรียกว่าอะบุริ
ไม่เพียงเท่านี้ชาบูก็มีด้วย มาซี้มา!!!
และไลน์น้ำ ผลไม้ ไอติม ทานไม่อั้น ไม่จำกัดเวลา
ในขณะที่รออาหารที่สั่งไว้แบบจัดเต็มไปก็ถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้วนไป
มุมสวยๆ เยอะมากเลยหล่ะค่ะ
และแล้วอาหารที่สั่งไว้ก็มา มาเร็วทันใจดีจริงๆ เรารีบถ่ายไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่แฟนจะแยกตะเกียบและลุยยย
เนื้อตุ๋น คือมันนุ่มนวล หอมหวลกลิ่นเนื้อ คือขุ่นแม่ชอบขนาดดด จัดไปซัก4-5จานได้
แซลม่อนปลาส้มของเรา กับไข่หวานมาแล้ว จิ้มวาซาบิ แซ๊บแซบ
ซูชิเอ็นกาวะ และแซลม่อน มันละลายๆๆๆไปเลย
เราขอนำเหนอ “เท็มปุระ” หยิบกุ้งแล้วจิ้มจุ่มลงในน้ำจิ้ม แล้วใส่ปาก โอ้ยย กรอบ นุ่ม ชุ่มลิ้น
มาต่อที่เนื้อย่างคลุกเคล้าซ๊อสหวานๆ เค็มๆ ทานกับข้าวแล้วมันเจ้มจ้นถึงใจ มีให้เลือกเป็นผัดซ๊อสญี่ปุ่น กับผัดซ๊อสเทอริยากิ อร่อยทั้งคู่
ซูชิเนื้อก็อร่อย
ไก่ทอดเป็นอะไรที่แฟนเราชอบ นางไปไหนนางก็จะสั่งมาลอง
ปลาไข่ย่าง อันนี้ไม่คิดว่าจะอร่อยเท่าไหร่ แต่เข้าป่กแล้วถึงกับตกใจ อู๊ยอร่อย
สลัดแซลม่อน มีผักไว้ตัดรสชาติอื่นๆ บ้าง
ไข่ตุ๋นนี่ก็เนื้อนุ่ม เข้าปากแล้วกลืนได้เลยไม่ต้องเคี้ยว!
โคโรเกะ ก็คือมันชุบแป้งทอด อร่อยนะ แต่ทำให้แน่นท้องดีนักแล
สาหร่ายก็โอเค
ถั่วแระก็โอเค เราชอบ!
สุดท้ายเราก็สั่งชาบูมาจนได้ ถามว่าที่ผ่านมาอิ่มมั้ย ตอบเลยอิ่ม
แต่ๆๆ มาแล้วต้องลองให้หมด ชาบูเลือกได้ 2 น้ำ เราเลือกน้ำซุปสูตรซะกะนะยะ(เหมือนรสต้มยำ) และซุปสุกี้ยากี้(เค็มๆหวานๆ) จิ้มจุ่มเนื้อเข้าไปตอนน้ำร้อนๆ หมุนๆๆ นับ 1-10 แล้วเอาขึ้น หูยย อร่อย
ถึงเวลาบ่าย 2 โมง พนักงานเดินมาถามว่าครัวจะปิดแล้วสั่งของคาวอะไรทานต่อไหม แต่พวกไอติม และน้ำชายังสั่งได้เรื่อยๆ คือสามารถนั่งต่อชิลๆ เป็นคาเฟ่ต์ได้เลยค่ะ หูยดีจัง
เราเลยเอาตุ๊กตาที่อยู่บนชั้นซึ่งดูๆแล้วน่าจะมีเกิน 50 ตัวได้ มานั่งเล่นรอพุงยุบ แถมมีปลั๊กไฟไว้ชาร์ตแบตมือถือด้วย ดีงามจริงๆ
★★★สะกะนะยะ★★★ให้ 5 ดาว เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ชอบที่สุดในเชียงใหม่แล้ว
Leave a Reply