:+:+:+:Day4:+:+:+:
ดูแผนท่องเที่ยวที่นี่ –> Day4 : อู่เจิ้น (Wuzhen Water Town)
เช้าวันนี้ไกด์ขาประจำ Google map ก็พาเราเดินมาที่สถานีรถไฟ Fengqi Road Station (凤起路) แล้วจากนั้นก็ต้องซื้อตั๋วรถไฟ คนละ 3 หยวน เพื่อไป Coach Center Station ได้บัตรมาก็ทาบบัตรเข้ารถไฟสาย 1 สีแดง ได้เลย
แล้วพวกเราก็เดินลงมาข้างล่าง รอรถไฟด้านที่เขียนว่า to Linping
ภายในรถไฟของที่นี่มีบอกจุดที่เราอยู่ และประกาศด้วยเสียงภาษาอังกฤษ แบบนี้ก็เดินทางได้สะดวกเลยหล่ะ
พอถึงสถานี Coach Center Station เราก็เดินไปตาม Exit A
แล้วเดินออกจากสถานีที่ Entrance A
เดินผ่านร้านแมคไปหน่อยแล้วก็เลี้ยวขวาเข้าประตูนี้ไป
ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นที่ 2
ขึ้นมาแล้วทางซ้ายมือจะเห็น Booking Lobby สำหรับเดินไปซื้อตั๋วรถบัส
มีบริการตู้อัตโนมัติไว้ให้หลายตู้เลยแต่ก็เป็นภาษาจีนทั้งนั้น พวกเราเลยต้องเข้าไปซื้อที่พนักงานด้านในสุด
สิ่งที่พนักงานขอทุกครั้งก็คือ passport ต้องเตรียมพร้อมทุกคน จากนั้นก็บอกว่าไป “หวู่เซิ่น” ที่ดูเหมือนสำเนียงจะฟังเป็นภาษาจีนที่สุด จากนั้นพนักงานก็จะโขว์หน้าจอเวลาที่เราต้องการเลือก
พวกเราเลือกรอบเร็วที่สุด จ่ายเงินคนละ 31 หยวน ได้ตั๋วมา 2 ชุด บอก วันเวลาเดินทาง/เลขรถ/ที่นั่ง/ชานชาลา
ผ่านการตรวจกระเป๋า และเช็คพาสปอร์ตพร้อมตั๋ว ซึ่งต้องตรงกันกับเลขพาสปอร์ตด้วย
พอเดินเข้ามาตรงนี้มีที่ฝากกระเป๋าด้วย
ขึ้นชานชาลาที่ 4 เวลาเดินทางในตั๋ว 10:20 แต่รถเลท รถออกเวลา 10:38
เราเดินออกมาเช็คหน้ารถว่าถูกต้องแล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถ
ที่นั่งบนรถบัส เข้ามานั่งตามเลขในตั๋วของตัวเอง
ถึงตัวเมืองกันแล้ว เราเดินมาด้านขวามือผ่าน Information Center ไป
แล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อไปซื้อตั๋วขากลับเตรียมไว้ก่อน (ถ้าเลี้ยวขวาจะไปขึ้นรถเมล์ไปอู่เจิ้น)
ซื้อตั๋วขากลับราคา คนละ 30 หยวน รอบสุดท้าย 18:25
จากนั้นก็เดินกลับมารอรถเมล์
ขึ้นหมายเลขรถ K350 ไปอู่เจิ้น ราคา คนละ 2 หยวน
นั่งมา 15 นาที ก็ถึงแล้วทางเข้า
เดินข้ามถนนมา ด้านขวามือมีตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติ มีภาษาอังกฤษด้วย แต่จ่ายด้วยเงินสดไม่ได้ จ่ายได้แต่บัตรเครดิตเท่านั้น
พวกเราเตรียมเงินสดมาแล้วก็เลยเดินเข้าไปในตึก ตรงเข้าไปซื้อตั๋วกับพนักงานเลย
พวกเรามาทั้งทีก็อยากจะเข้าทั้ง West และ East แต่พนักงานถามว่านอนที่นี่เหรอ (ที่นี่มีพนักงานพอพูดภาษาอังกฤษได้) เราบอกว่าไม่ได้นอน เรากลับวันนี้ เค้าเลยบอกว่าควรเลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง เพราะ West ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 3 ชม. และ East ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.
เราเลือกทาง West (เราใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด 4 ชม. รวมรับประทานอาหารเที่ยงด้วย) พนักงานรีบอธิบายเพิ่มเติมว่าตั๋วนี้ถ้าเข้าและออกมาแล้ว จะไม่สามารถเข้าไปได้อีกถึงแม้จะเป็นวันเดียวกันก็ตาม
ตั๋วเข้าชมของที่นี่ใช้แสกนเข้าอย่างเดียว นอกนั้นก็ไม่ได้ใช้อีก
ซื้อเสร็จแล้วจากเคาน์เตอร์ก็เดินไปทางขวา
มีพนักงานรอตรวจบัตร และแสกนให้พวกเราเข้าไปทีละคน
เข้ามาถึงเรารีบเดินนำไปดูวิวตรงสะพานก่อน มันสวยมาก
หลังจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในตัวตึกที่แสกนตั๋วเมื่อกี้ จะมีป้ายเขียนไว้ว่า Free Ferry ให้เราขึ้นข้ามฟากไป
เราเข้าไปนั่งได้ไม่นาน เรือก็เริ่มออกจากฝั่งพาเรามาชมคลองโบราณแห่งนี้
แต่เรือฟรีนี้แค่ 5 นาทีก็มาถึงอีกฝั่งนึงแล้ว ถ้าอยากชมวิวรอบอู่เจิ้นเวนิสต้องจ่ายค่าโดยสาร
เราเดินเข้ามาในตัวเมืองที่ยังคงอนุรักษณ์ความเป็นยุคสมัยเก่าให้เราได้เห็น
มีคนมาถ่ายพรีเวดดิ้ง
พวกเราเดินเข้าไปในตรอกสไตล์จีนโบราณ
แวะเข้าไปบ้านหลังแรก ๆ ด้านขวามือ เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับงานแต่งงานของจีน
มีชุดให้เช่าแล้วเข้าไปถ่ายรูป
พอดีมีคนเช่าชุดมาถ่ายรูปพอดี ทุกคนรุมไปถ่ายกันใหญ่ เราก็เอาบ้าง
ราคาชุดแต่งงานให้เช่ารูป
มาดูทางด้านชุดแต่งกายสมัยก่อนกันบ้าง
นี่คือชุดชั้นในของสาวจีน เป็นผ้าเลื่อมปักลายที่เล็กมาก ๆ ไม่รู้ว่าคนสมัยก่อนตัวเล็กมาก หรืออยากจะใส่กันแค่นี้ ใส่แล้วคงดูสยิวกิ้วดีไม่น้อย
ห้องนอนเจ้าสาว
บ้านแต่ละหลังเก็บความขลังไว้ได้ดี
ดูแล้วลึกลับซับซ้อน
มีความขลัง
ยังมีคนอาศัยอยู่ บ้างทำร้านอาหาร บ้างทำที่พักอาศัยให้กับนักท่องเที่ยว แต่คนที่ยังอยู่จริง ๆ แบบสมัยก่อนอาจจะไม่มีให้เห็นแล้ว
ร้านนี้ที่เราหิ้วท้องเข้ามาด้วยความหิวโหย
มีเมนูภาษาอังกฤษด้วย แต่ต้องจิ้มที่เป็นภาษาจีนให้ดี เพราะเรานั้นจิ้มเป็นภาษาอังกฤษสรุปได้มาผิดอันตลอดเลย
ถ้วยแรกมาก็ผิดเลย Casserole Mutton เนื้อแพะทั้งถ้วย จริง ๆ เราสั่งบะหมี่เห็ด ตอนแรกก็นึกว่าของคนอื่นเลยไม่ได้แจ้งพนักงาน ขุ่นแม่ก็ออกโอเคดี ส่วนเรานั้นแตะไม่ได้เลย
The sign face ของขุ่นพ่อที่สั่งจากการชี้ที่รูปหน้าร้านนั่นเอง บะหมี่เนื้อแพะเช่นเคย
Noodles with braised mutton นี่ก็เนื้อแพะ
Peanuts นี่แหละที่เรากินได้ในมื้อนี้
สุดท้ายสั่งผิดได้มาเป็นขาเป็ด แห้ง ๆ ที่คงไว้ตามเดิม
ในอู่เจิ้นนี้มีตรอกซอกซอยเยอะพอควร ที่ให้เราได้เดินเลาะไปมา
กลีบดอกบ๊วยที่ร่วงหล่น
สะพาพข้ามฟากสำหรับคนนเดินทางสัญจร
เด็กน้อยนั่งเล่นชิงช้า
โคมไฟรูปแบบเก่าตามร้านค้าต่าง ๆ
เข้ากันดีกับบ้านโบราณ
เราชอบหลังนี้เป็นพิเศษเลย
บนเรือนั่นเหมือนเป็นเรือขนสินค้า แต่เค้าทำท่าให้ดูเหมือนฉากในหนังที่จะมีมาเฟียคุมอยู่เลย
มีท่านลุงมานั่งซ่อมรองเท้าอยู่ด้วย ชอบจัง
หน้าต่างแบบขาตั้ง ภาพนี้ดูแล้วทำไมเราไปนึกถึงแม่นาก
เรือลำเดิมพายกลับมาอีกแล้ว หรือว่าเป็นเรือโชว์
พี่แก๊งมาเฟียก็ท่าเดิมเลยนะ
ตรอกอีกแล้ว แต่คราวนี้เป็นตรอกเล็ก ๆ
พวกเราเดินมากันจนจะสุดทางแล้ว
นักท่องเที่ยวเริ่มน้อยลงจากตรงนี้
พอมาเห็นภาพดอกไม้แบบนี้ทำให้นึกถึงญี่ปุ่นเลย
ตึกนี้คือที่ทำการไปรษณีย์
เรือท่องเที่ยวที่มาจอดรอลูกค้า
ตรงนี้ขุ่นพ่อเลิฟสุด ๆ งานไม้ที่ท่านลุงทำเองกับมือ จนขุ่นพ่ออดไม่ได้ขอซื้อถังมาจากท่านลุง 1 ใบ ซึ่งราคาก็ไม่ได้แพงเท่าไหร่ด้วย
เจอร้านกาแฟหล่ะ เรานี่ท่าทางเหมือนกับพุ่งเข้าไป แต่รสชาติกาแฟที่นี่ก็จืดคล้ายกับที่อื่นที่เคยชิมมา
ตามด้วยไอติมผลไม้ สีขาว ๆ เป็นนม อร่อยดี
ขนมที่เอาเตารีดแบบที่เห็นนี้ นาบเข้าไปที่ขนม ภูมิปัญญาดีจริงๆ
QR Code ที่คุณลุงร้านท่ีขายแมลงปอที่ทำจากไม้ บอกว่าสามารถสแกนจ่ายเงินได้ แต่ที่ร้านในส่วนอื่นเค้าไม่ให้ถ่ายรูป ซึ่งขุ่นพ่อก็ได้แมลงปอมา 3 ตัว
ตรงนี้คงจะเป็นร้านน้ำชา
พวกเราเดินข้ามสะพานมาทางอีกฝั่ง
วิวตรงนี้สวยงามมองเห็นเจดีย์
ภาพนี้อยู่ตรงกลางสะพานพอดี
เดินข้ามฝั่งมาเจอวิวสงบ
นี่คือจุดที่เราอยู่ในแผนที่
ตรงนี้คล้ายกับโกดังเก็บของ
นี่เหมือนเป็นสเตเดี่ยมขนาดย่อม ๆ
มองกลับไปดูสเตเดียมเมื่อกี้
พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า
สงบดีจัง
บ้านหลังนี้สร้างให้โค้งไปกับน้ำ วิวดีมาก
เห็นเจดีย์ที่ผ่านมาแวบ ๆ
เข้ากันดีจัง
มีเรือผ่านเข้าบ้าง
สะพานเล็กๆ
จุดเดียวกัน
ร้านอาหาร
ฝั่งนู้นคนเยอะเหมือนกัน
แสงอาทิตย์ยังส่องผ่านมากระทบกับผนังบ้านเรือน
กลับมาตรงด้านหน้าก่อนออกจาก West
เราเดินออกมารอรถเมล์กันด้านหน้า
ถ่ายรูปรอรถเมล์
รถเมล์มารับเรามาส่งที่เดิม พวกเรามาเดินเล่นดูของฝาก และรอบๆ สถานีรถบัสสักหน่อย
จากนั้นก็กลับเข้าไปนั่งรอในสถานี
เราเดินออกทางชานชาลาที่ 2
เดินมาเช็คความถูกต้องด้านหน้ารถตามระเบียบ
ถึงแล้วก็ลงจากรถบัสแล้วเดินมาที่สถานีรถไฟ Coach Center เพราะวันนี้จะไปทานหม่าล่าหม้อไฟ ลด 70% ที่เจ้าของห้องที่เราเช่าแนะนำมา
นั่งรถไฟสาย 1 สีแดง
ไปลงที่ Ding’an Road Station ซึ่งพวกเราก็คุ้นตาเพราะวันแรกก็เคยมาสถานีนี้ตอนขากลับจากตลาดเก่าเหอฟาง
เดินออกมาแล้วก็ให้ Google Map นำทางเราไปที่ carrefour supermarket ร้านจะอยู่ข้าง ๆ นี่เอง แล้วเดินเข้าไปตรงนี้ที่ชั้น 2
ในขณะที่เดินขึ้นบันไดไป เราเจอภาพที่ทำให้สะดุดเล็กน้อย นั่นคือกบ ซึ่งเหมือนจะเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่
พี่ชายถาม ลองเอามาหน่อยมั้ย ทุกคนรีบตอบ nooo พอเมนูมาถึงพวกเรากำลังจะหยิบ Google Translate ขึ้นมา เวลานั้นคนจีนเจ้าของโรงแรมที่เราเช่าก็เข้ามาและช่วยเลือกเมนูให้ มื้อนี้เราบอกว่าไม่เอาแกะและแพะและกบ ขอเป็นเนื้อหมู เนื้อวัว และเนื้อปลาก็พอ
ซุปที่เลือก ขาดไม่ได้เลยคือซุปหม่าล่าที่ทุกคนอยากลอง และซูปจืดมาเผื่อทรมารจากความเผ็ด
หม้อที่นี่ทำเป็นหัวมังกรอย่างดี และโดดเด่น
รายการอาหารทั้งหมดส่งมาให้ดูที่โต๊ะ ซึ่งเราก็สามารถแสกนดูได้ผ่าน QR Code เช่นเคย
เค้ามีโซนผลไม้และถั่วทอดกรอบให้เรามาหยิบได้เรื่อย ๆ ส่วนน้ำจิ้มนั้นเค้ามีวัตถุดิบไว้ให้ แล้วเชิญเราไปเลือกปรุงได้ตามสบาย แต่สำหรับเราความอร่อยมันอยู่ที่น้ำจิ้มนี่หล่ะ ทีนี้จะผสมอะไรลงไปดีหล่ะ
ขนมนี้นำมาเสริฟเป็นอันดับแรก ซึ่งเราชอบมาก มันเป็นแป้งโมจิปิ้งแล้วโรยด้วยน้ำตาลอ้อย ที่คนจีนพูดว่า Special เลย
มาแล้วอาหารพร้อมซ่าและลิ้นชา
ผักพอหอมปากหอมคอเท่านั้น ซึ่งของอร่อยเด็ด ก็คือเต้าหู้ยาว ๆ กัดเข้าไปแล้วเหนียวนุ่ม เส้นบะหมี่ใหญ่ ๆ ก็อร่อย
ถึงเวลาซ่าแล้ว พวกเราลุย
ราคาวันนี้ ลด 70% อย่างที่บอก จาก 347 บาทเราจ่ายกันไปแค่ 199 บาทถ้วน
อิ่มหนำแล้วกะจะมาเดินช๊อปปิ้งกันต่อ แต่พอเดินลงมาคาร์ฟูปิด 4 ทุ่ม ซึ่งก็คือเวลานี้พอดี อดเลย
ขากลับพวกเราเดินเล่น ย่อยอาหาร ชมวิวรอบทะเลสาบซีหู กลับโรงแรม
————————————————————————————————————
ค่าใช้จ่ายต่อคน (12/3/18)
💰ค่ารถไฟไปกลับ 10 + บัสขาไปอู่เจิ้น 31 + บัสขากลับ 30 + รถเมล์ไปกลับ 4 = 76 CNY
🍛ค่าอาหาร 109 CNY
💰ค่าเข้าอู่เจิ้น 150 CNY
🏨 Airbnb the bund 1240 baht
🙂กดไลค์ & แชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ🙂
★ติดตามรีวิวอื่นๆ ได้ที่ FACEBOOK : Me Diary ★
รีวิวท่องเที่ยวจีน
[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 2 : ชมซากุระ >> ไร่ชาหลงจิ่ง >> เจดีย์เหลยเฟิง (Leifeng Pagoda)
[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 3 : เมืองจำลองราชวงศ์ซ่ง (宋城, Song Dynasty Town)
[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 4 : อู่เจิ้น (Wuzhen Water Town) เวนิส เมืองโบราณจีน
[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 5 : ล่องเรือซีหู >> กลับเซี่ยงไฮ้
[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 6 :สวนอี้หยวน>>เฉินหวังเมี่ยว>>พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้
[รีวิวเที่ยวจีน2018] : DAY 7 : เมืองโบราณหนานเสียง >> เก็บสตรอว์เบอร์รี่
[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 8 : ซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ >>Metro City >> The Bund
Leave a Reply