[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 2 : ชมซากุระ >> ไร่ชาหลงจิ่ง >> เจดีย์เหลยเฟิง (Leifeng Pagoda)

:+:+:+:Day2:+:+:+:

ดูแผนท่องเที่ยวที่นี่ –> Day2 : นั่งเรือรอบทะเลสาบซีหู >> Shuangtou Bridge >> หอเหลยเฟิง >> ย่านช้อปปิ้งชิงเหอฝาง

จากเมื่อวานที่วางแผนว่าจะปั่นจักรยานเที่ยวกันก็เป็นอันล้มเลิกเปลี่ยนแผนไปเดินเล่นดูลาดเลากันก่อน วันนี้ตื่นเช้ามาเราเลยบอกทุกคนโหลดแอพ Mobike ให้เรียบร้อย พร้อมเติมเงินด้วยบัตรเครดิตเข้าไปในแอพที่เหลือก็หาจักรยานคู่ใจกันคนละคัน ในโซนที่เราอยู่มี Mobike จอดริมถนนเรียงกันอยู่หลายคัน เราบอกทุกคน “หยิบมือถือ เปิดแอพ แสกน QR Code” ทุกคนทำตามที่เราบอก ยกเว้นขุ่นพ่อขุ่นแม่ที่ทำตามแล้วแต่ปลดล็อคไม่ได้ “ทำไมหล่ะ??” เสียงนี้ดังขึ้นพร้อมกัน แล้วก็ยื่นมือถือมาให้ โอเคๆ ไหนดูซิ อืม ๆ เพราะว่าทั้งสองใช้อินเตอร์เน็ตจาก Pocket Wifi ซึ่งที่จีนมันไม่ค่อยเข้าท่านัก สัญญาณติด ๆ ดับ ๆ ตลอด  แต่พอเช่ือมต่อ Wifi ได้อีกครั้งก็เรียบร้อย

จักรยานที่นี่เค้ามีหลายแบรนด์มากซึ่งก็มีแบบเช่ารายวัน (เช่าที่ไหนเอามาคืนที่นั่น) หรือสแกน QR Code ผ่านแอพ (เจอรถที่ไหนก็หยิบมาปั่นได้เลย จะเลิกใช้ก็จอดทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้เช่นกัน แต่ต้องโหลดแอพและเติมเงินเข้าแอพให้เรียบร้อยก่อนถึงจะใช้งานได้)

ทุกคนพร้อมแล้วปั่นไปเที่ยวกันเถอะ!! นำทีมโดยขุ่นแม่ผู้ที่ไม่สามารถควบจักรยาน แล้วปั่นออกไปเลยได้ ต้องเอาขาเหยียบคันปั่นแล้วดัน ๆๆ ให้จักรยานไปข้างหน้าก่อนค่อยขึ้นควบ ในใจเราคิด “นี่มันยากกว่าท่าปกติเยอะมากอ่ะขุ่นแม่ T_T” แต่ก็เอาเถอะหญิงไทยสมัยนั้นเค้าฝึกกันมาแบบนี้อะเนอะ

Screen Shot 2561-03-25 at 20.21.39.pngวันนี้เราปั่นจักรยานมาคนละฝั่งกับเมื่อวานเพื่อชมทัศนียภาพที่แตกต่างกันออกไป ปั่นผ่านสะพานหักแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งของทะเลสาบซีหู  อู้หู!! คนเดินเล่นบนสะพานเยอะมาก  เลยปั่นกันต่อไปจนถึงปลายลูกศร

ในขณะที่ปั่นจักยานอยู่นั้น เจ้าดอกไม้สีชมพูที่เห็นลิบๆ ตรงหน้ามันมีแรงดึงดูดอะไรสักอย่าง ทำให้พวกเราที่กะจะขับไปไร่ชากลับต้องมาหยุดลงตรงทางเข้าสวนนี้ซะแล้ว “แวะก่อนเถอะ ๆ” ขุ่นพ่อรีบบอก หรืออาจจะเป็นเพราะเหนื่อยมากกว่าก็ไม่รู้

พวกเรารีบจอดจักรยาน ล็อครถเพื่อทำการเลิกใช้งาน Mobike แล้วตรงดิ่งไปยังภาพที่อยู่ตรงหน้า มองไปที่หญ้าสีเขียว แซมด้วยดอกไม้สีชมพูเข้มสดใส โอบล้อมไปด้วยท้องฟ้าสีฟ้า แดดส่องผ่านลงมา ลมพัดเอื่อยๆ เย็นสบาย มันสวย สวยมากกกก นี่เหรอซีหู สวรรค์บนดินที่เค้าว่ากัน

นี่มันดอกอะไรนะ?? เราสงสัย เดินเข้ามาดูใกล้ๆ เอ๊ะ นี่มันดอกบ๊วยหรือเปล่า

จากที่เคยลองค้นหาข้อมูลดู แถวซีหูช่วงนี้เป็นช่วงที่ดอกบ๊วยเบ่งบาน (Plum Blossom) ดอกบ๊วยสีจะเข้มกว่าซากุระ  และตัวดอกเป็นทรงกลม

เราเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วก็เริ่มกดชัตเตอร์ แชะ ๆ ๆ ๆ

สวย และแปลกตา อาจจะเป็นเพราะเราไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน

เราเคยไปเที่ยวมาก็หลายที่ แต่ที่นี่มีคุณลักษณะเฉพาะแตกต่างออกไป ตอนที่ค้นหาข้อมูลเห็นภาพดอกบ๊วยพวกนี้ ตอนนั้นเราเข้าใจว่าภาพพวกนี้เค้าแต่งเอาแน่ ๆ แต่พอได้มาเจอของจริงแล้วมันไม่ใช่เลย มันสวยเหมือนในภาพนั่นแหละ

เรารู้สึกว่าในแต่ละที่ที่เราได้เดินทางไป ทุกที่มันมีเสน่ห์.. และที่ก็เสน่ห์ที่แตกต่างออกไป

ถ้าเปรียบเหมือนความสวยของผู้หญิง ที่นี่ไม่ได้สวยแบบทั่ว ๆ ไปที่เคยเห็นมาก่อน อึ้งกับความแปลก เพราะสวยแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีสไตล์ที่ลึกล้ำ (ในจินตนาการของเราเท่านั้น555)

หินก่อนนี้เหมือนจะเป็นพรรณาคำกลอนอะไรสักอย่าง แต่เราอ่านไม่ออกหรอก

ดอกสีขาวก็มีด้วย ตัดกับสีชมพูเข้มสดใส

นี่ก็อีกพันธ์นึง ยังเป็นดอกเล็ก ๆ ที่เรียกติดอยู่กับก้าน

เห็นเรือแวบๆ ที่กำลังขับผ่านพานักท่องเที่ยวชมรอบทะเลสาบ

บริเวณระเบียงมีเจ้าตัวนี้เรียงรายเหมือนกำลังทำหน้าที่เป็นองครักษ์คอยปกป้องผืนแผ่นดิน

พวกเราเดินเล่นชมดอกไม้ไป ถ่ายรูปกันไป

แต่ต้องมาสดุดกับตรงนี้ มันคือตอนที่เรากำลังเพลินเพลินกับความงามตรงหน้า แล้วหันมาเจอแฟนทำท่าถ่ายรูป ยืด ย่อ ๆ อยู่นาน (ท่าเหมือนกำลังจะเล่นโยคะ) ตั้งใจถ่าย แต่ถ่ายไม่ได้ซ๊ากกกที จนเราตลกหัวเราะออกมา 555 จบกัน เหมือนกำลังฝันดีที่มีคนปลุกให้ตื่นเลย

 

 

พอภาพในฝันสลายไป อยู่ๆ ท้องก็เริ่มร้องเรายกนาฬิกาขึ้นมาดู นี่มันเที่ยงกว่าแล้วเหรอ ถึงเวลาหาข้าวทานแล้วสิ

เรารีบคว้ามือถือขึ้นมา ค้นหาร้านอาหารใกล้ๆ จากแอพจีน “ร้านนี้ละกัน คนจีนเค้าให้ดาวเยอะเลยใกล้ด้วย” เรารีบบอกทุกคน

เดินกันมา 15 นาทีก็ถึงหน้าร้านที่อยู่ในโรงแรมดูแล้วหรูหราน่าดู

พนักงานรอต้อนรับที่เคาน์เตอร์พอเห็นพวกเราก็รีบกดมือถือส่งแปลภาษาอังกฤษมาทันทีว่าโต๊ะเต็มหมดแล้ว แต่จะพาไปอีกห้องหนึ่งของโรงแรมที่ยังมีโต๊ะว่างอยู่  ในตอนนั้นทุกคนคิดว่า โห อะไรจะขนาดน้าน ร้านนี้มันต้องอร่อยแน่ ๆ

พนักงานพาพวกเราเดินเข้าไปชั้นในของโรงแรมที่ดูหรูหราและสวยงาม

เราเข้ามานั่ง มีพนักงานใส่ชุดเรียบหรูเดินเข้ามาเติมชาให้ ชาร้อนจากดอกไม้ชนิดหนึ่ง หอมกลิ่นคล้ายๆ คาโมมาย ดื่มชาอุ่นๆ รู้สึกผ่อนคล้ายขึ้นมาเลย

จากนั้นก็ยื่นเมนูมาให้ พวกเราเริ่มสั่งอาหารแนะนำของที่นี่มาก่อน ซึ่งก็ใช้วิธีการแปลด้วย Google Translate เช่นเคย

อาหารจานแรกเข้ามาเสริฟ กุ้งผัดพร้อมน้ำจิ้มจิ๊กโฉ่ ตัวกุ้งเด้งๆ ดึ๋งดั๋ง แต่รสชาติจืดสนิทสไตล์อาหารจีนแท้

ต่อมาเป็นเต้าหู้หั่นลูกเต๋าในน้ำซุปข้น ๆ ดูสวยงามน่าทานดี แต่ก็…จืดสนิทกว่าเดิมอีก

คราวนี้เป็นปลานึ่งในน้ำซอสเปรี้ยวหวานกันบ้าง กัดคำแรกเนื้อปลานิ่มมากแต่เต็มไปด้วยก้างเล็กๆ เราที่เป็นคนขี้เกียจแยกก้าง พร้อมทั้งสายตาก็ไม่ค่อยดีจึงรู้สึกว่าทานยาก และตัวน้ำซอสเองมันไม่ค่อยเข้ากันกับปลาเท่าไหร่ แต่ขุ่นแม่เรานั้นกลับบอกว่าอร่อยดี

จานสุดท้ายนี้เป็นเหมือนซาลาเปาทอดหอมงาไหม้จากด้านนอก รสชาติพอไหวที่สุดแล้วสำหรับเรา

สรุปมื้อนี้สั่งไป 4 อย่าง ประมาณ 2,500 บาทไทย โอ้ยย ทุกคนหน้านิ่งออกจากร้านแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “แพงและไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่” หลังจากนั้นแอพรีวิวร้านอาหารของจีนก็จบลง เพราะลิ้นคนไทยจรเข้กว่าจีนเย้ออ

พอออกจากร้านอาหาร พวกเราก็กลับมาตามหาจักรยาน Mobike อีกครั้ง เพื่อจะไปไร่ชาต่อ แต่เดินดูแล้วไม่มีวี่แววว่าใครจะมาจอดแถวนี้เลย การเดินทางด้วยรถเมล์น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในตอนนี้ เพราะเดินเลี้ยวขวาออกจากร้านไปหน่อยก็เจอป้ายรถเมล์แล้ว

รถเมล์สาย 7 นี้แหละที่พอค้นหาใน Google Map แล้วบอกว่าไปได้ เห็นมีคนรอขึ้นรถเมล์จากด้านหลังเราก็เดินตามขึ้นไปบ้าง จากนั้นก็เดินไปจ่ายเงินที่คนขับคนละ 3 หยวน ในรถมีป้ายที่จอดบอกไว้ด้วยแต่ก็มีเฉพาะภาษาจีนเท่านั้น

เราเปิด Google map ไร่ชา ที่วางแผนไว้ดู อีกป้ายนึงก็จะถึงป้ายที่ใกล้กับไร่ชาที่สุดแล้ว เรากดกริ่ง พอรถจอดเราก็เดินลงมาทางด้านหน้าตัวรถ แล้วเดินย้อนกลับมาหน่อยเลี้ยวซ้ายก็จะเจอไร่ชาเล็กๆ หนึ่งไร่

เราเดินเข้าไปดูใกล้ๆ นี่เหรอชาหลงจิ่งของจักรพรรดิ์ กลิ่นมะนาวหอมชื่นใจ เอ้ยไม่ใช่😅 เป็นอันจบภาระกิจดูไร่ชาที่ขุนพ่อแค่อยากเห็นซึ่งพี่ชายเราก็ทำหน้างงอยู่หน่อยๆ ว่ามาแค่เนี๊ยะอะนะ

ไหน ๆ ก็นั่งรถเมล์มาถึงนี่กันแล้วก็เลยลองเดินเล่นกันซักหน่อย พวกเราเดินขึ้นเขากันมาเรื่อยๆ ก็เจอร้านอาหารที่เอาเนื้ออะไรออกมาตากกันเต็มไปหมดก็ไม่รู้

แถวนี้เค้าคงมีจุดเด่นที่การโชว์เนื้อตากแห้งกันละมั้ง

เดินมาถึงร้านค้าร้านนึง หน้าร้านด้านนอกวางตะกร้าไข่เป็นตั้งๆ เราเดินไปดูไข่ไก่เหมือนบ้านเราเลย

ตอนชะโงกไปดูไข่เค้า เราแวบไปเห็นน้ำลักษณะคุ้น ๆ ตาในตู้แช่ของร้านเลยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ นึกไปนึกมาจำได้ว่าเคยเห็นในเน็ตคนไทยชอบซื้อชิมกัน เราก็อยากชิมบ้าง เลยหยิบมาจ่ายเงินแล้วเปิดฝา อืมม รสชาติมันก็คล้าย ๆ หล่อฮังก้วยนี่หล่ะนะ

จากนั้นก็เดินขึ้นเขาไปอีกเจอลำธารเล็ก ๆ ผ่านหน้าหมู่บ้าน ต้นไม้กำลังเริ่มเขียวเพราะจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว

พวกเรายังคงเดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ จนถึงทางขึ้นกระเช้าที่ขึ้นไปถึงยอดเข้าได้ ดู Google Map อีกที นี่เกือบจะถึงเฟย์ไหลเฟิง (飞来峰) และวัดหลิงอิ่น หรือ Lingyin Temple (灵隐寺) แล้ว

มีป้ายบอกทางด้วย แต่เราค้นหาข้อมูลมาแล้ววัดนี้ต้องเดินขึ้นบันไดสูง และสร้างขึ้นมาใหม่แทนของเดิมทั้งหมด จุดนี้เลยไม่สนใจเท่าไหร่

และแถวนี้จักรยาน Mobike เยอะมาก พวกเราเลยกลับมาปั่นจักรยานลงเขาเพื่อเดินทางไปยังเจดีย์เหลยเฟิง (Leifeng Pagoda) ตำนานนางพญางูขาวเป็นสถานที่ถัดไป

ปั่นมาใกล้ๆ เจดีย์ ทั้งคน ทั้งรถเยอะมาก ปั่นจักรยานเริ่มไม่สะดวกแล้ว ทุกคนเลยจอดจักรยานแล้วเดินต่อจนมาถึงหน้าทางเข้าเจดีย์เล่ยเฟิง ผู้คนต่อคิวซื้อตัวกันเยอะพอสมควร

ค่าเข้าชมที่นี่ คนละ 40 หยวน เด็กต่ำกว่า 1.2 ม. เข้าฟรี

ที่นี่เค้าเคร่งครัดมาก มีจุดแสกนตรวจกระเป๋าทุกคนที่ผ่านเข้ามา

พอเข้ามาแล้วจะเจอเจดีย์เล็ก ๆ เรียงรายเป็นแนวก่อนถึงบันไดทางขึ้น

ขาขึ้นสบายมากมีบันดันเลื่อนพาเราขึ้นไปส่งถึงเจดีย์ ประหยัดเวลา และความเหนื่อยล้าจากการปั่นจักรยานวันนี้ได้ดีมากๆ ขุ่นแม่ชมใหญ่

ขึ้นไปเกือบสุดบันไดเลื่อน จุดนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่ถ่ายรูปออกมาสวย

มาถึงแล้วเจดีย์เหลยเฟิง เจดีย์ 8 เหลี่ยม สูง 5 ชั้น ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเป่าซื่อซาน (Baoshi Shan) ทางทิศใต้ของทะเลสาบซีหู

เดินเข้าไปในชั้นแรกก่อนจะขึ้นไปข้างบนสุดทุกคนจะได้ชมซากเจดีย์เก่าที่เคยล้มลงมา

ในตำนานกล่าวว่า หลวงจีนองค์หนึ่งขังนางพญางูขาวไว้ที่นี่โดยลงคาถาไว้ ซึ่งคาถาจะสูญสลายไปถ้าเจดีย์นี้พังลงมา นี่หมายความว่า นางพญางูขาวได้ถูกปลดปล่อยกลับไปหาชายอันเป็นที่รักเรียบร้อยแล้วหล่ะสินะ

จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุด

มาถึงข้างบนมองดูเพดานของที่นี่เป็นสีทองอร่าม ตรงกลางสามารถเลื่อนลงมาได้ด้วย

รอบๆ เป็นภาพแกะสลักเรื่องราวของพระพุทธเจ้า

ภาพนี้น่าจะเป็นรูปพระพุทธเจ้าประสูติ

ภาพนี้เป็นภาพพระพุทธเจ้าปรินิพพาน

แต่ตรงนี้แหละเป็นที่ ๆ เราสนใจที่สุด  สวยมาก มีช่างกล้องตั้งกล้องรอถ่ายภาพอยู่ไม่น้อย คอยพระอาทิตย์ค่อย ๆ เคลื่อนตัวลาลับขอบฟ้า แสงและเงาที่ลอดผ่านลงมาใต้สะพาน เหมือนไฟฉายส่องลงบนผิวน้ำ

เจดีย์เหลยเฟิงถูกยกให้เป็น 1 ใน 10 ทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของทะเลสาบซีหูวิวโดยเฉพาะช่วงเวลาเย็น ยามเมื่อพระอาทิตย์ตก

เรามาใส่กรอบหัวใจให้พระอาทิตย์สักหน่อย

เริ่มได้เวลาปิดของที่นี่แล้วเลยเดินลงบันไดกันมา ระหว่างทางก็มีตัวอักษรแกะสลักซึ่งน่าจะเป็นคำกลอนจากเหล่านักปราชญ์ต่าง ๆ

ลงมาถึงชั้นของนางพญางูขาว  มีภาพไม้แกะสลัก 3 มิติ พร้อมบรรยายเรื่องราวย่อ ๆ เป็นภาษาอังกฤษ

รายละเอียดประณีตและสวยงาม

ภาพแสดงอารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี

ตัวละครมีสีหน้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

ในเรื่องราว “นางพญางูขาว” แม้เป็นเพียงสัตว์เดียรัจฉาน ที่ดูน่ากลัว แต่ตัวตนที่แท้จริงไม่ได้เป็นแบบนั้น ภายในที่คนทั่วไปมองไม่เห็นจริงๆ แล้วเค้าเป็นคนดี จึงเป็นตำนานที่บ่งบอกถึงความดี

เรื่องเล่าในตำนานนางพญางูขาว https://goo.gl/5VopWk

Screen Shot 2561-03-25 at 20.21.39.pngเวลา 5โมงครึ่ง ถึงเวลาปิดของที่นี่แล้ว พวกเราจึงเดินออกมาเที่ยวรอบทะเลสาบกันต่อ

เดินลัดเลาะตามขอบแม่น้ำเข้ามาทาง Su Causeway (苏堤) ซึ่งเป็นถนนที่ตัดผ่านทะเลสาบ สามารถข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบได้

เรือเที่ยวสุดท้ายที่กำลังจะจอดเทียบท่าเพื่อมาส่งนักท่องเที่ยว

เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง ยามพลบค่ำทำให้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม แดง ที่นี่จึงดูโรแมนติกมากขึ้นไปอีก  มีผู้คนมาเดินเล่น วิ่งจ๊อกกิ้ง นั่งเล่น ถ่ายรูปตลอดทาง

ต้นหลิวพลิ้วไหวไปตามสายลมเหมือนม่านกั้นตลอดสองข้างทางเดิน

แสงสีตระการตานี้มาจากการแสดงโชว์บนน้ำ

แสงอาทิตย์ลาลับไปแสงไฟก็ขึ้นมาสว่างไสวแทน

เราเดินกันมาจนถึงอีกด้านหนึ่งของ Su Causeway ระยะทางทั้งหมด 3 กิโลกว่า ๆ ทุกคนเหนื่อยล้าเต็มที พอเดินไปเจอป้ายรถเมล์เลยรีบขึ้นมามุ่งหน้าไปโรงแรม

แถวโรงแรมเราอยู่ใกล้กับถนนคนเดิน Wulin Market Place เลยมีร้านอาหารเปิดอยู่หลายร้าน เราเดินไปร้านอาหาร https://goo.gl/WVWbUi ซึ่งอยู่ข้างๆ ร้านชานมไข่มุก coco

เป็นร้านสไตล์ญี่ปุ่นผสมผสานคลุกเคล้าจีนกลายเป็นแบบที่เห็น อร่อยใช้ได้ ค่อยมีรสมีชาติหน่อย

จากนั้นก็มาเติมความหวานด้วยชานมไข่มุก และชาเขียวกันอีกหน่อย

————————————————————————————————————
ค่าใช้จ่ายต่อคน (10/3/18) 

💰 ค่ารถเมล์ 3 + ค่ารถเมล์ 3 + ค่ารถไฟ 3 = 9 CNY

🍛 ค่าอาหาร 120 CNY

💰 ค่าเข้าเจดีย์เล่ยเฟิง 40 CNY

🏨 Airbnb the bund 1240 baht


🙂กดไลค์ & แชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ🙂

ติดตามรีวิวอื่นๆ ได้ที่ FACEBOOK : Me Diary 


รีวิวท่องเที่ยวจีน

[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 1 : จากเซี่ยงไฮ้สู่หางโจว >> ร้านอาหาร Xin Bai Lu >> เดินเที่ยวรอบทะเลสาบซีหู >> ศาลากลางน้ำ Jixianting >> ช๊อปปิ้งตลาดเหอฟาง

[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 2 : ชมซากุระ >> ไร่ชาหลงจิ่ง >> เจดีย์เหลยเฟิง (Leifeng Pagoda)

[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 3 : เมืองจำลองราชวงศ์ซ่ง (宋城, Song Dynasty Town)

[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 4 : อู่เจิ้น (Wuzhen Water Town) เวนิส เมืองโบราณจีน

[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 5 : ล่องเรือซีหู >> กลับเซี่ยงไฮ้

[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 6 :สวนอี้หยวน>>เฉินหวังเมี่ยว>>พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้

[รีวิวเที่ยวจีน2018] : DAY 7 : เมืองโบราณหนานเสียง >> เก็บสตรอว์เบอร์รี่

[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 8 : ซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ >>Metro City >> The Bund

[รีวิวเที่ยวจีน2018] : Day 9 : ตลาดหาคู่ >> สตาร์บัคที่ใหญ่ที่สุดในโลก >> ผังเมืองเซี่ยงไฮ้ >> สนามบินผู่ตง

บทความที่เกี่ยวข้องกับจีน

[รีวิวจีน1] : วิธีซื้อตั๋วรถไฟในเซี่ยงไฮ้

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

%d bloggers like this: