:+:+:+:Day1:+:+:+:
ดูแผนท่องเที่ยวที่นี่ –> Day1 : เซี่ยงไฮ้สู่หางโจว >> ซากุระ >> ไร่ชา >> Broken Bridge >> น้ำพุเต้นรำ
เริ่มต้นการเดินทางขึ้นเครื่องยามค่ำคืนของเมื่อวาน และขณะนี้เวลา ตี5ครึ่งเช้าตรู่ เครื่องบินวิ่งเข้ามาเทียบท่าอากาศยานนานาชาติสนามบินผู่ตง, เซี่ยงไฮ้อันเป็นที่เรียบร้อย เราเดินออกมาจากตัวเครื่องท่าทางสะโหลสะเหลและตาปรือ เนื่องจากใช้เวลาเดินทางแค่ 4 ชม. นิดๆเท่านั้น แต่เมื่อเท้าเหยียบเข้ามาในห้องโถงที่กว้างใหญ่เท่านั้นหล่ะ ตาปรือๆ ก็เริ่มสว่างขึ้นมาทันที ทุกอย่างดูครบครัน ทันสมัยต่างจากความคิดก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
มาถึงตม.เจ้าหน้าที่เค้าก็หน้านิ่งๆ เคร่งครึม พวกเราก็เดินยืดอกพกถุง เอ้ย พกความมั่นใจพากันเดินเข้าไปยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่กันทีละคน ที่เหลือก็ปล่อยไปตามบุญวาสนาที่เคยทำแต่ปางก่อน หืมม ไม่ขนาดนั้นเพราะเค้าไม่โหดเหมือนตม.ที่เกาหลีหรอก สำหรับเราเค้าไม่ถามอะไรเลยสักคำ แต่พี่ชายโดนถามว่า “มาเที่ยวเหรอ” “มากี่วัน” แค่นั้นก็เรียบร้อยได้เวลารอรับกระเป๋ากันแล้ว
ลากกระเป๋ามาผ่านด่านต่อไปคือ ท่านกรมศุลกากรผู้คอยตรวจสอบของต้องห้ามในกระเป๋าที่ปล่อยให้พวกเราเดินออกมาอย่างสบายใจเฉิบไม่มีตรวจหรือถามอะไรสักคำ เดินออกมาแล้วก็เลี้ยวขวา เงยหน้าขึ้นมาก็เจอป้าย Long distance bus เป้าหมายของเรา
ในระหว่างที่เดินตามเส้นทางเพื่อไปยัง Long Distance Bus คนรักขนมหวานอย่างพวกเราก็เหลือบไปเห็นร้านขายของ ทุกคนหยุดชะงักขอเดินชมพร้อมหยิบกันสักชิ้นสองชิ้น พองามนะพองาม
ด้านซ้ายเป็นชานมที่รสชาติชาอ่อนมากกก ส่วนด้านขวาคือนมที่คล้ายกะนมแมว ขนมนั้นก็อร่อยธรรมดาๆ ทั่วไป
กินขนมกันพอกรุบกริบก็เดินกันต่อ เลี้ยวซ้ายตามป้ายมาปุ๊บก็เจอป้ายบอกทาง ด้านซ้ายมือ
ขณะนี้ 6โมงเช้าตรู่ ร้านรวงต่างๆ ยังพากันหลับไหล ยกเว้นร้านสตาบัคที่เปิดรับลูกค้าคอกาแฟก่อนใครเพื่อน เราเดินผ่านไปพร้อมกับเดินชิดมาทางขวาตามป้ายที่เขียนเอาไว้
เจอแล้วตรงนี้นี่เอง ตอนแรกเกือบจะเมืองไม่เห็นเพราะตัวอักษรบาง ๆ พร้อมกับผู้คนที่มายืนรอกันอยู่
เราเดินนำหน้าออกไป ประตูค่อย ๆ เลื่อนแง้มเปิดออก ลมเย็นๆ แทรกปะทะเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับรอเวลาให้เราสัมผัสบรรยากาศที่แท้จริง อู้หู หน้าเย็น หนาวจัง เพราะอากาศตอนนี้ราว ๆ 10 องศาเอง
เรารีบเดินตัวแข็งลงบันไดเลื่อนไปกะว่าข้างล่างต้องมีห้องอุ่นๆ รอให้เราเข้าไปแน่ๆ
แต่แล้วทำไมคนรอเพียบเลยหล่ะ เราเดินแทรกเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นโซ่คล้องประตูเอาไว้ “เค้ายังไม่เปิด” เรารีบหันมาบอกทุกคนที่กำลังหนาวสั่น แล้วผู้ชายคนนึงก็เดินตรงเข้ามาพร้อมโชว์แผ่นกระดาษที่มีสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อยู่ในนั้น จากการเดาเค้าน่าจะพูดประมาณว่า “จะไปไหนกันหล่ะน้อง ไปกับพี่สิ ไม่ต้องรอที่นี่ร๊อก” พูดไปพูดมาซักพัก เห็นเราไม่สนใจ เค้าก็เดินไปหาคนอื่นต่อ ขณะนั้นเอง 6:57น. เจ้าหน้าที่ก็เดินมาเปิดประตูพอดี
เข้ามาข้างในได้แล้วก็ไปต่อคิวรอซื้อตั๋ว มีคนเดินไปถามเจ้าหน้าที่ตรวจเช็คกระเป๋าได้ยินเค้าพูดอะไร “ปา ปา” แล้วจีนทั้งแถวก็แตกกระจาย บูมม กลายเป็นโกโก้ครันช์ เดินไปคนละทิศละทาง บ้างก็ไปกับชายคนที่โชว์สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งก่อนจะมาเราก็เตรียมพร้อมนับเลข 1-10 เป็นภาษาจีนไว้ เลยคิดว่าพนักงานคงจะมา 8 โมงแน่ๆ เอาหล่ะต่อแถวรอวนไปละกันค่ะ
อีก 15 นาทีจะ 8 โมงเช้า พนักงานเริ่มเข้ามานั่งประจำที่ เราที่ยืนรออยู่ในแถวครึ่งชมแล้วจึงเป็นคิวแรกๆ เลย พอถึงหน้าเคาน์เตอร์ปุ๊ปเราก็เอามือถือออกมาชี้ไปยังตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้ว่า “หางโจว”
พนักงานรีบควักบัตรมาให้ดูแล้วพูดภาษาจีนใส่ไฟแลบ ดีที่เราวางแผนการท่องเที่ยวไว้ เลยรู้ว่าเที่ยวแรกรถออก 8:40 เลยชี้ไปตรงนั้น พนักงานพยักหน้าหงึกๆ แล้วทำการอออกบัตรให้
ได้บัตรโดยสารมาเรียบร้อย ในราคา 110 หยวนต่อคน หลังจากนั้นเหลือเวลาให้เอนหลังนอนหลับรอรับัสกันไปก่อน
08:25 เริ่มได้ยินเสียงโหวกเหวก พวกเราก็เดินเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นป้ายไฟเป็นภาษาจีนบอกว่า “หางโจว” พร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่ตะโกนว่า “#$€¥>, หางโจว” อะเค๊ ไปลองยื่นตั๋วให้พนักงานดู เค้าหยิบไปสแกนแล้วคืนให้ เราก็ก้าวตามคนข้างหน้าออกไป
เดินออกมาไม่กี่ก้าวก็เจอรถบัสจอดเทียบท่ารอพวกเราอยู่ ทุกคนที่ออกมาก่อนกำลังจัดแจงขนกระเป๋าของตัวเองใส่ใต้ท้องรถ
เราเดินมาดูหน้ารถให้ชัวร์ๆ ถูกคันมั้ย “โอเคถูกแล้วทุกคนเอากระเป๋าไปเก็บตามคนอื่นเค้าได้เลย” เรารีบตะโกนบอก
เรากระโดดขึ้นรถมาพร้อมควักตั๋วออกมา ในตั๋วมีเลขที่นั่งบอกไว้เรียบร้อยว่านั่งตรงไหน พอผู้โดยสารขึ้นมากันครบ คนขับรถบัสก็สตาร์ทเครื่องออกเดินทางทันที
คราวนี้ก็เข้าสู่โหมดการเดินทางจากสนามบินผู่ตง เซี่ยงไฮ้ มาหางโจวแล้ว
นั่งในรถหลับๆตื่นๆมาราว 3 ชม.ก็ถึงหางโจว แต่พอลงรถมาแล้วดูแผนที่นี่เรามาลง Hang Zhou Xiaoshan International Airport Ticketing Office มันไม่ใช่ที่เคยค้นหาข้อมูลผ่านเน็ต ที่บอกไว้ว่าลง Dragon Sport Center นี่นา
แต่มันใกล้ที่พักกว่าเดิมซะอีกแฮะ แบบนี้ก็ดีเลย
พอลงจากรถบัสมา เราก็เดินเข้าไปสำรวจจุดซื้อตั๋วรถบัสสักหน่อย มีที่ซื้อตั๋วผ่านเครื่องอัตโนมัติหลายตู้ อีกด้านนึงก็มีพนักงานขายตั๋ว อื้อแบบนี้ถ้าเดินทางจากหางโจวไปสนามบินผู่ตง เซี่ยงไฮ้ก็ไม่ยากเลยหล่ะ
พวกเราเดินลากกระเป๋า ชมวิวทิวทัศอันแปลกใหม่มา 10 นาที ก็ถึงโรงแรม Wyndham Grand Plaza ที่พักในหางโจวของเรา
โซนที่เราพักเป็นแบบอพาร์ทเม้น เราเดินขึ้นลิฟต์และลากกระเป๋ามาถึงหน้าห้อง ใส่รหัสดิจิตอลที่เจ้าของห้องให้ไว้เพื่อเปิดประตู แอ๊ดดด ว้าว ห้องพักกว้างใหญ่และสวยงาม
มีห้องครัวเล็กๆ สำหรับทำอาหารนิดหน่อย และมีน้ำดื่มเตรียมไว้ให้ 1 ขวด
เปิดเข้าไปดูห้องน้ำก็กว้างขวาง พร้อมสบู่ แชมพู แปรงสีฟัน
ห้องนี้สำหรับนอนสองคน ความรู้สึกตอนนี้อยากจะลงไปกลิ้งให้สบายใจเฉิบแล้ว แต่…ช้าก่อน ความงามของทะเลสาบซีหูรอเราอยู่ ทุกคนเปิดกระเป๋าค้นหาเสื้อผ้าเพิ่มความอุ่นหลังจากหนาวปากสั่นกันมาระหว่างทางกับอุณหภูมิ 10 องศานิดๆ
เดินลงมาจากที่พักเหลือบมองนาฬิกานี่มันเที่ยงแล้วนี่นา มองไปฝั่งตรงข้าม โอ้ว ร้าน Xin Bai Lu ร้านที่อยู่ตามแผนท่องเที่ยวที่เราวางไว้นั่นเอง มันใกล้กว่าที่คิดไว้มาก จะรอช้าอยู่ไยทุกคนเดินตรงเข้าไปในร้านโดยเร็ว
ทุกๆ โต๊ะในร้านจะมีQR Code พนักงานเดินเข้ามาพาเราไปนั่งที่โต๊ะพร้อมกับพูดภาษาจีนประมาณว่า “สั่งอาหารจาก QR Code พร้อมจ่ายเงินได้เลยค่ะ” เราเอามือถืออกมาลองสแกน แต่ดูเหมือนในห้องอัพสัญญาณโหลดข้อมูลไม่ได้เค้าเลยเดินไปหยิบเมนูมาให้ สั่งอาหารกันเรียบร้อยเหลือบไปเห็น Wifi Free แบบนี้ต้องไปขอรหัสผ่าน ได้มาก็ลองสแกน QR Code เข้าไป อู้ มีบอกว่าเราสั่งอาหารอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่ พร้อมจ่ายเงินในแอพได้เลย แต่เราก็ไม่มีเงินใน Ali Express อยู่ดี เลยต้องจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น
มาถึงไลน์อาหารที่สั่งมี ไข่ตุ๋นปู, ต้มปลา,เต้าหู้ทอด, ฟักทองชุปไข่เค็มทอด อร่อยทุกอย่างอาหารจานแรกเอามาเรียกน้ำย่อยในกระเพราะ เต้าหู้ทอด กรอบนอกนุ่มในคล้ายกับถั่วลันเตาทอดแม่สาย อาหารท้องถิ่นบ้านเราเอง อร่อย เคี้ยวเพลินเลยเรา
เสริฟตามมาด้วยฟักทองทอดไข่เค็มส่วนตัวเราชอบบ หวาน ๆ เค็มๆ อร่อยดี
อาหารจานต่อมาวางลงบนโต๊ะ “ไข่ตุ้นปู” จานใหญ่ กลิ่นหอมโชยขึ้นมา เราเอาช้อนแตะไข่ตุ๋น หืมมม นิ่มมาก ลองชิมดูสักหน่อย อื้มม อร่อย สดดีจริงๆ
จานสุดท้ายของมื้อนี้ ต้มปลาตัวใหญ่ น้ำซุปจะออกเค็มหน่อยแต่ก็รสชาติดีทีเดียว
เสร็จสรรพรวบยอดราคา 166 หยวน ราคาดีงามมาก อาหาร 4 อย่าง ข้าว 1 โถ ราคาอยู่ที่ประมาณ 800 บาทเอง อร่อยใช้ได้เลยด้วย
ออกจากร้านอาหารหันมาทางขวาเดินมุ่งหน้าตรงไปยังทะเลสาบ แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว พวกเราก็ต้องแวะกันอีกแล้ว เพราะร้านเบเกอรี่เล็กๆ นี่แหละที่ทำเปลี่ยนทิศทางกันได้ตบอดเวลา ทุกคนเข้าไปเดินวนกันหนึ่งรอบ ขุนพ่อรีบเรียก บอกว่าเจอของดี “นมถั่วลิสง” บอกว่าเคยทานตอนเที่ยวเฉินตูคราวที่แล้วอร่อยมาก หยิบมาพร้อมจ่ายเงิน “เอาๆ เพิ่งบอกว่าอิ่ม ไหงมีของหวานเสริมอีกละ” เราแอบบ่น><
และแล้วก็เดินออกมาถึงถนนใหญ่ หันหลังกลับไปเห็นว่า อ้อ ถนนที่เพิ่งเดินผ่านมานี่ก็คือ Wulin Market Place นี่เอง
เรากำลังยืนรอสัญญาณไฟเพื่อเดินข้ามถนนไปยังทะเลสาบซีหู หันไปเห็น “คนปั่นจักรยาน Mobike ทำไมโดนตำรวจเรียก” มองไปมองมานี่นางขับย้อนศรนี่นา พวกเราพอเห็นสถานการณ์นี้เข้า แผนท่องเที่ยวที่วางไว้ว่าวันนี้จะปั่นจักรยานเที่ยวบ้าง เปลี่ยนแผนกันทันควัน ขอดูลาดเลาบ้านเมืองเค้าก่อนดีกว่า
เอ้า สัญญาณไฟบอกว่าให้คนข้ามถนนได้ เรารู้สึกอึ้งหน่อย ๆ ไปมาก็หลายประเทศไม่เคยเจอสัญญาณไฟใหญ่และเด่นแบบนี้ หรือเพราะผู้สูงอายุมีมากเค้าเลยต้องทำให้เห็นชัดเจน แต่…ถึงจะชัดเจนยังไง ก็ไม่ได้มั่นใจถึงความปลอดภัยได้นะเออ เพราะหลักการที่นี่ก็เหมือนบ้านเรา คนเดินถนนต้องระวังรถเหมือนเดิม
เดินผ่านลำธารเล็กๆ ที่ดูใสและสะอาดตา จนพี่ชายพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่ทำให้แสนแสบให้เป็นแบบนี้บ้าง” นั่นสินะ ทำไม ๆ
เดินข้ามถนนอีกครั้งก็เข้ามาที่ทะเลสาบซีหูแล้ว นี่หรือที่เค้าเรียกกันว่า “สวรรค์บนดิน”
แม่น้ำสะอาดใส เห็นปลาแหวกว่าย ต้นหลิวปลิวไหว ลมเย็นๆ พัดโชย แสงแดดกระทบผิวน้ำส่องแสงสะท้อนระยิบระยับ
ริมทะสาบมีคุณลุงรับจ้างพาเราล่องเรือออกจากฝั่ง จินตนาการในหัวของเราย้อนคิดไปถึงยุคก่อน ๆ ที่ใช้เรือในการสัญจรแทนถนน มันก็คงดูชิวดีไม่น้อย
ถ่ายรูปเล่นปล่อยตัวตามลมเดินชมวิวกันไปเรื่อยเปื่อยตามชายฝั่งของทะเลสาบ
เดินผ่านมาเจอร้านไอติมแต่งร้านสีสันสดใส ล่อใจนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา
มีขนมหน้าตาไม่คุ้นเคยชวนให้เราอยากลองมากมาย
ที่เช่าเรือร้านแรก “สนใจเช่าเรือไหม” เราถามทุกคน แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่นี่คนเค้าพูดเสียงดัง หรือเพราะบรรยากาศดีจนไม่ทันได้ฟังเสียงเรากันแน่
เอ้า งั้นก็ชมความงามริมชายฝั่งกันต่อไปละกันเนอะ
เดินต่อมาเจอจุดนั่งเรือกันอีกแล้ว แบบนี้จะมีคุณลุงมาพายเรือ ให้เราได้ทำมิวสิคชมวิวในแม่น้ำ ราคาที่เค้าคิดเป็นต่อชั่วโมง นั่งได้ประมาณ 6 คน
แบบเรือใหญ่ๆ ทรงจีนๆ ก็มี
มีครอบครัวพาลูกๆมาพักผ่อน วิ่งเล่นกันสนุกสนานเลย
มีสาวๆ หลายคนเช่าชุดแต่งตัวจัดเต็มยืนถ่ายภาพนิ่งกันริมน้ำ ราวกับมีนางพญางูขาวเรื่องเล่าขานตำนานทะเลสาบซีหูมาเองเลยทีเดียว
การเดินทางรอบทะเลสาบซีหูนั้นแสนสะดวก จะนั่งเรือ ปั่นจักรยาน นั่งรถเมล์ หรือรถพาเที่ยวลูปบัสแบบนี้ก็มีด้วย
เดินอยู่ฝั่งทะเลสาบชิวๆ ขุ่นแม่หันไปเห็นตึกดูเก่าๆ อยู่ฝั่งตรงข้าม ร้องเรียกให้พวกเราไปเดินดู อ่ะไปก็ไป
เดินตรงไปถึงแยกแล้วเลี้ยวขวา นี่มันชามุกร้านดัง เอ้า ดันตัวเองเข้าไปต่อคิว
ได้มา 2 แก้ว ชาอู่หลง และชามัคคิอะโต้ หวาน 50% สำหรับเราทำไมรสชาติช่างธรรมดาๆ (ที่แท้แล้วยังสั่งไม่เป็นนั่นเอง )
ร้านขนมปัง คนต่อคิวเยอมาก เราก็ย๊ากกอยากจะซื้อแต่ขุ่นพ่อตัดพ้อมาแต่ไกล ฮือๆ
แล้วก็กลับมาเดินเล่นที่ชายฝั่งเช่นเดิม
เดินกันมาจนถึง Jixianting
สะพานที่ยื่นเข้าไปในทะเลสาบ พร้อมศาลาทรงแหลม
ที่นี่แลนด์มาร์กดัง ต้องมาเก็บภาพกันให้ได้
จากนั้นก็เดินชมทิวทัศกันไป
เจอเรือใหญ่สีทองตัดกับน้ำสีฟ้าสวยสะดุดตา
เดินข้ามสะพานเล็กๆ มองลอดต้นหลิววิวสวยงาม
เดินกันมาจนเริ่มเมื่อย มองดูแผนที่กันหน่อย ยังไม่ถึงไหนกันเลย
เรือที่จอดเทีย่บท่ามีหลากหลายรูปแบบ
ตอนนี้พวกเราเข้ามาเดินอยู่กลางน้ำกันแล้ว วิวตรงนี้ดึสุด
โรงแรมนี้วิวสุดยอดสนใจอยากจะลองพักดูสักหน
ผู้คนออกมาชมซีหูกันคึกคัก บางคนก็นั่งเล่นริมน้ำ บางคนก็มาออกกำลังกาย
เดินกันมาจนถึง Xihu Tiandi เริ่มเมื่อย ง่วง และอยากเข้าห้องน้ำ
ทุกอย่างจบลงที่ร้านกาแฟ แวะพักผ่อน หย่อนเท้า
จากนั้นก็เดินออกจากทะเลสาบซีหูกัน
เจอแลนด์มาร์คอีกหนึ่งแห่ง นั่นคือวัวสีทองอยู่กลางน้ำ
ออกมาทุกคนพร้อมใจกันบอกว่าหิ้วว หิว เราก็ค้นแผนท่องเที่ยวที่ทำไว้ทันที เจอแล้วสถานที่น่าสนใจ ใกล้ๆ จุดนี้เลย นั่นก็คือ “ตลาดเหอฟาง”
ตลาดเหอฟางสังเกตได้ไม่ยาก สามารถมุ่งไปทางเดียวกับสถานท่ีคล้ายปราสาทบนยอดเข้า
ตรงนี้ก็เป็นทางเข้าตลาดแล้ว เลี้ยวขวาไปหน่อยก็ถึง
ถึงตลาดแล้วผู้คนพลุกพล่าน
พระสังกจายที่ทุกคนต่างผลัดกันมาถ่ายรูป
ร้านพัดวาดด้วยตัวอักษรจีน
ปูนพลาสเตอร์รูปคน
ร้านขายยาจีนต้นตำหรับ
มาร้านที่คนต่อแถวกันบ้าง
แป้งกรอบๆ โรยใส้หมู ชิมแล้วก็รู้สึกเฉยๆ อร่อยแค่แป้งที่เหนียวๆ
ร้านขายบุหรี่ ยาสูบ ที่แกะสลักไม้อย่างสวยงาม
หน้าร้านที่ดูโบราณสมกับเป็นตลาดเก่า 100 ปี
ร้านนี้เหมือนโรงเตี้ยม เข้าไปข้างในมีร้านอาหารหลากหลายรวมทั้งมีปิ้งย่างสัตว์แปลกๆ ด้วย
ร้านขายยาจีนที่ยังมีคนเข้าไปใช้บริการอยู่
เดินอีกนิดมาถึงสถานีรถไฟ Ding’ an Road เมื่อยมากแล้ว นั่งรถไฟกลับที่พักกันดีกว่า
Ding ‘an Road Station======================================>Fengqi Station | |||||||
รถไฟสาย Line 1 ปลายทาง Xiasha Jiangbin/Linping (5min, 2CNY) | 2 stop –> Longxianqiao, Fengqi |
ขึ้นรถไฟ Line 1 สีแดง ไป Fengqi Station
2 สถานีก็ถึงแล้ว
ปิดท้ายวันด้วยภาพรถไฟที่สีสันจัดจ้านสไตล์จีนเช่นเคย
————————————————————————————————————
ค่าใช้จ่ายต่อคน (9/3/18)
💰 รถบัส110+ค่ารถไฟ2 = 112CNY
🍛 ค่าอาหาร 117 CNY
🏨 Airbnb the bund 1240 baht
Leave a Reply