Me Diary

—— เดือน3-4 —— บันทักรักจากแม่ เป็นเดือนที่ลูกชอบมองตามแม่มาก เดินไปทางไหนก็มองตลอด เป็นความรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญกับใครคนนึงแล้วมันดีจัง🥰 สิ่งที่กังวลที่สุดของเดือนนี้คือปกติลูกจะคุยจ้อเลย แต่มีช่วงนึงที่ลูกตกใจเสียงไม้ตียุงที่แม่ทำน้ำกระเด็นใส่แล้วมันดังแต๊บๆๆๆรัวจนลูกร้องไห้ดังมากกก หลังจากนั้นฟินจังไม่คุยเล่นไปหลายวันจนทำเอามะม๊าเป็นห่วงเลย พัฒนาการลูก เดือน 3-4 หัวเราะครั้งแรกของลูก🥰 เห็นแล้วมีความสุขที่สู้ดดด หัวเราะซักพักจะชอบสะอึกตามมา เหมือนเริ่มรู้จักเล่นจ๊ะเอ๋ โดยเฉพาะเวลากินนมชอบเอาหัวมุดๆ หลบแล้วค่อยหันกลับมามองหน้าแม่ พอแม่จ๊ะเอ๋ ฟินจังก็ยิ้มแล้วก็ทำใหม่ ยิ้มเก่ง เวลาไม่พอใจจะร้อง แง่งบ้าง เอ้อบ้าง555 ชอบดูมือตัวเอง จับมือ พยายามเอามือประสาน จนตาเหล่😂 ถูเท้า สูสีๆๆ อย่างมีความสุขมากมาย ชอบดูกระจก พาไปหน้ากระจกแล้วจะยิ้ม คุย เวลาอารมณ์ดีจะชอบเตะขาไปมา หรือเวลาไปเล่นด้วยก็จะชอบยิ้มทำท่าจะยกแขนเตะขาร่าเริง ชอบกรี๊ด อี้…ย่ะ สงสัยจะเคยเป็นทาซานเจ้าป่า😁😸 ปลายๆเดือน ชอบจับ เอาหนังสือผ้ามาจับ อยากจับทุกอย่าง บางทีก็ลูบๆเสื้อบ้าง ลูบแขนอันขรุขระของปะป๊าบ้าง😆😆 ชอบตีๆ แต่ควบคุมความแรงไม่ได้ ท่าตีฟินฟินน่ารักมากกก ดูหนังสือผ้าแล้วพูด กรี้ด ตรงที่มีเสียงกรอบแกรบ ความเปลี่ยนแปลง เดือน 3-4…

ในช่วงใกล้คลอด ประมาณเดือนที่ 6-7 ของการตั้งท้อง สำหรับเราคิดว่าเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการซื้อของเพื่อเตรียมคลอด เพราะว่าของใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็กแรกเกิดนั้นมันมีเยอะเหมือนกันนะ ไหนจะของลูกไหนจะของแม่ แล้วยิ่งถ้าเป็นลูกคนแรกนั่นหมายความว่าเราไม่เคยมีของแม่และเด็กไง บางอย่างมันใช้ยังไงก็ยังไม่รู้เลย ซึ่งคนเป็นแม่ก็จะตื่นเต้นอยากจะเตรียมความพร้อมให้กับลูก แต่ก็มักจะโดนคนสมัยก่อนเบรค บอกว่าซื้อเร็วไป๊ ซื้อใกล้คลอดโน้น “ใกล้คลอด”……คืออีหยั๋งวะ?? แค่นี้ก็จะคลานไปตากผ้าแล้ว ไหนจะรีดผ้าให้ลูกอีก ยิ่งถ้าต้องทำงานอยู่ด้วยละก็บอกได้คำเดียวว่า เหนื่อยและปวดเมื่อยมากจ้า เราว่าเป็นเพราะคนสมัยก่อนเค้าไม่ต้องใช้เวลาในการเตรียมเยอะเหมือนสมัยนี้มากกว่า ก็แค่เดินไปตลาดร้านขายของเด็กก็มีไม่กี่ร้านเลือกๆ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ เน็ตก็ไม่มีกูเกิ้ลก็ไม่มีเค้าก็เลยไม่มีอะไรให้เตรียมมาก แต่สมัยนี้สิโหยเลือกกันจนตาลายเลยแม่เอ้ย แต่…เราว่าการเตรียมตัวไว้ก่อนมันก็ช่วยคลายความกังวลและจิตตกตอนเลี้ยงลูกแรกๆของเราได้เยอะเลยหล่ะ เพราะอย่างน้อยเราก็ซื้อของมาพร้อมระดับหนึ่งแล้ว ไม่ต้องมานั่งหาซื้อของตอนเลี้ยงลูกน้อยอีก ในตอนนั้นเราก็ค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ แล้วก็มานั่งทำเช็คลิสต์ของใช้ที่จำเป็นไว้สำหรับเตรียมคลอด พอคลอดลูกแล้วมีเวลากลับมานั่งอ่านดูเลยรู้ว่าอะไรจำเป็นอะไรไม่จำเป็นหรืออะไรที่ค่อยซื้อหลังคลอดก็ได้จะได้ทะยอยซื้อไป วันนี้เราเลยจะมาแชร์ประสบการณ์ของใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็กแรกเกิดเพื่อเตรียมคลอดในแบบฉบับของเรา ซึ่งเราแบ่งเป็นหมวดหมู่เอาไว้เพื่อให้ดูง่ายๆ ประมาณนี้ เครื่องแต่งกาย ถ้าพูดถึงเสื้อผ้าเด็กแรกเกิด ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าแม่ๆ เลี้ยงลูกที่ไหนเป็นหลักแล้วค่อยซื้อ ถ้าเลี้ยงในห้องแอร์ตลอดก็ต้องมีแขนยาวขายาว ถุงเท้า บอดี้สูท รอมเปอร์ เยอะๆ หน่อย แต่ถ้าไม่ได้อยู่ห้องแอร์ก็ต้องเลือกแขนสั้นขาสั้น ผ้าบางๆ เป็นหลัก ลูกจะได้รู้สึกสบายเวลาอากาศร้อน และที่สำคัญคือควรเลือกชุดที่ใส่ง่าย ถอดง่าย เช่น แบบผูก แบบซิป 2 แบบนี้เราชอบสุด การใส่เสื้อผ้าให้ลูกตอนแรกเกิดเป็นอะไรที่แม่ๆ มือใหม่ยังไม่ค่อยคล่องหรอก…

“ท้อง” จะเรียกว่าเป็นที่สุดในชีวิตของเราก็ว่าได้ สำหรับเราตอนแรก ก่อนท้องก็ไม่ได้คิดว่าเป็นที่สุดอะไรหรอก เพราะคิดว่ามีลูกยากก็เผื่อใจไว้แล้วว่าถ้าไม่มาธรรมชาติก็คงไม่ได้มีละเน้อ แต่ๆๆๆ จะบอกว่าดิฉันก็ลุ้นทุกเดือนพอปจด.มาช้านิดส์ก็ทำเป็นลูบท้อง เดินเบาๆ มโนว่าน้อนนมาแว้ว แต่มโนก็คือมโนไง555 สุดท้ายช่วงออกกำลังกายหนักๆ ติดจริงจร้าแม่ ตอนรู้นี่คือมือสั่นเลย น้อนน มาแว้ววว พอบอกแฟนเท่านั้น นางน้ำตาซึม นางดีใจ นึกว่าคงไม่มีแล้ว ตอนที่รู้เจ้าตัวน้อยก็อยู่ในท้องมาเดือนกว่าๆ แล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มแพ้ท้อง อาการแรกๆ ของเราคือ หิว หิวมากก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวก Walking Death 😵‍💫กระหายอาหารคาว มือสั่น สั่งที 2 จาน อาหารมาปุ๊บ ลุย หมด อย่างรวดเร็ว พอเดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 4 นิดๆ มีอาการเหม็นทุกสิ่งอย่าง คือเหม็นมากแค่อุ่นอาหารก็ไม่ได้ แล้วตอนนั้นอยู่คอนโด ประตูห้องครัวมันปิดกลิ่นไม่อยู่เพราะจมูกแม่นี่ดีมากเลยจร่ะ คือกินอาหารในห้องไม่ได้ แถมเป็นช่วงโควิด19 อีก ต้องออกมากินในรถบ้าง หาสถานที่โล่งๆข้างนอกกินข้าวบ้าง ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องกินในห้องนั่นแหละ เปิดพัดลมไล่…