วางแผนเดินทางวันที่ 1 : นาริตะสู่คาวาโกเอะ
แพ๊คกระเป๋า ตรวจสอบความเรียบร้อย ทุกอย่างพร้อม!!! ออกเดินทางโล๊ดดด ก็นั่งแท็กซี่กันมาถึงดอนเมือง ปุ๊ป……… 🤭ไปไหนดี… ปกติเค้าจะเปิดให้เช็คอินก่อนเครื่องขึ้น 3 ชม แต่… พวกเราพร้อมตั้งแต่ 6 ชม. ก่อนอี๊กก เอาไงดีๆ คุณนายเริ่มถาม ไม่รู้ทำไรก็ไปหาอะไรทานกันเต๊อะ
พากันไปโซ๊ยอาหาร ราคาดีๆ ก็ต้องที่ศูนย์อาหาร Magic Food Point ชั้น 2 Terminal2 คนไม่เยอะ อาหารหลากหลาย ราคาไม่แพงด้วย
อิ่มหนำแล้วก็ถ่ายรูปกันซะหน่อย ตามประสาคู่แม่ลูกที่รักการเป็นดาราหน้ากล้อง แหะๆ
รอกันไปจนเค้าให้เช็คอิน ก็รีบแจ้นมาเช็คอิน ดุ่ยๆไปต่อแถว ไม่แน่ใจว่าเค้าเอาป้ายมาติดยังว่าแถวสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เช็คอินมา พอถึงเคาน์เตอร์ปุ๊ป พนักงานเค้าก็บอกว่าคราวหน้าเช็คอินมาแล้วเข้าอีกแถวได้เลยนะคะ ซึ่งเป็นแถวที่สั้นกว่ามาก พวกเราก็เพยอปาก😗ตอบรับพร้อมกันว่า ค่าา แล้วเดินก้มหน้า🤪🤫ออกไปอย่างสงบ
ถึงเวลาก็ไปขึ้นเครื่อง ว๊าปปป… ถึงสนามบินนาริตะเป็นที่เรียบร้อย ผู้โดยสารทุกท่านก็ไม่รอช้า แหกขี้หูขี้ตากันออกมาจากเครื่องบิน จากนั้นก็แจกเอกสารที่เตรียมมาเผื่อให้ตม.ดู เช่น 💎passport ใบเดิม (เนื่องจากเพิ่งเปลี่ยนเล่มใหม่ กลัวว่าเค้าจะไม่เช็คข้อมูล) 💎แผนการเดินทางท่องเที่ยว, 💎เอกสารจองห้องพัก, 💎เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินกลับไทย แล้วก็ 💎passport เล่มปัจจุบัน และ💎ใบตม. ของญี่ปุ่นอีก 2 ใบ เท่านี้ก็เดินยืดอกพกถุง เอ้ยย พกเอกสาร ไปต่อตม. ได้
หลังจากผ่านตม. ออกมา ก็เดินตรงมาซื้อตั๋วรถบัสเพื่อเดินทางไปจ.ไซตามะกัน ก็บอกพนักงานเค้าว่า
大人4枚お願いします。 (ขอซื้อตั๋วสำหรับผู้ใหญ่ 4ใบค่ะ)
จะได้ตั๋วมา 4 ใบ แล้วพนักงานเค้าก็จะอธิบายว่า ให้ไปรอชานชาลาที่ 11 รถออกเวลา 9:30
เราก็เดินออกจากตัวอาคารมารอที่ชานชาลา 11
ที่เสาเค้าจะมีป้ายบอกว่า ชานชาลานี้สามารถเดินทางไปไหนได้บ้าง ซึ่งก็มี omiya station ที่เรากำลังจะไปด้วยนั่นแล
เสร็จแล้วก็นั่งรอกันไปก่อน ซัก 15 ก่อนรถจะมาค่อยไปยืนต่อคิว เซฟขาไว้ใช้เดินหลังจากนี้อีกยาว ๆ
ก่อนเวลาออกพนักงานก็จะมาขนกระเป๋าเดินทางเราไปไว้ใต้ท้องรถบัสให้ แล้วให้บัตรรับกระเป๋ามาด้วย
กฎของการนั่งรถบัสที่ญี่ปุ่น
🔺ห้ามคุยโทรศัพท์ในรถบัส หรือเปิดเสียงโทรศัพท์ และคุยกันเสียงดัง
🔺คาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง
🔺ห้ามสูบบุหรี่
แต่ๆๆๆ ในรถบัสเค้าอนุญาติให้ดื่มน้ำ ทานอาหารที่ไม่ส่งกลิ่นได้นะ ก่อนขึ้นรถเลยไปคว้ากาแฟมาในร้านสะดวกซื้อ ละเป็นไง จื๊ด จือ ตือ จึ๊ด ตึ๊ด จือออ = จืดสนิด ปกติมาญี่ปุ่นเรามักจะดื่มกาแฟสด แบบนี้ยังไม่เคย ก็คงไม่เคยต่อไปละทีนี้
จากแผนการเดินทางที่วางไว้ เริ่มเพี้ยนนิดหน่อยตรงรถบัสที่นั่งไปสถานี Omiya เลทไปสัก 10 นาที เพราะมารถติดตรงก่อนจะถึงสถานี Omiya นี่หล่ะค่ะ ทั้งๆ นี่ก็วันทำงานนี่นา พอรถจอดบุ๊ป เลยเปลี่ยนแผนเป็นฝากกระเป๋าที่ locker หน้าสถานีไปเลยดีกว่า ตู้ใหญ่ 600 เยน ใช้ 2 ตู้ก็ครบแล้ว
พวกเรามีบัตร ic card กันอยู่แล้ว ก็เพิ่มเงินในบัตรจากตู้อัตโนมัติ แล้วก็ก้าวไปตามแพลนที่วางไว้กันเลย
มาถึง kawagoe station ปุ๊ป ทีแรกกะจะแค่ออกมาหาอะไรทานกัน แต่…
เดินไปตามทางนี้กันมั้ย มันเป็นถนนช๊อปปิ้งตลอดทางเลยนะ แล้วก็ไปบรรจบแหล่งท่องเที่ยวเหมือนกัน นี่คือสิ่งที่เราเสนอผู้อาวุโสทั้งสอง พอพูดเสร็จก็หันไปเห็นตาลุกวาวเข้าให้แล้ว
ระหว่างทางเดินนั้นเต็มไปด้วยร้านค้า รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า ขนม อาหาร โอ้ยยย ร้านไหนทั้งสองก็อยากเข้าไปดู แวะเกือบจะทุกร้าน
พอเข้าใกล้ถนนเก่าแก่ Kurazukuri ร้านแรก ขุ่นพ่อขอจัด เบียร์มันม่วง แถวนี้นี่เค้าดังเรื่องมันม่วงด้วย ก็เข้าไปลองกัน …อื้มม ดูหน้าเอาละกันว่าอร่อยอะป่าว
จากนั้นก็เอาแต่เข้าร้านของกินทั้งน้าน บ้านนี้ช๊อบบบขนมจิ้งงงง
ถนน Kurazukari เป็นถนนที่เรียงรายไปด้วยตึกรามบ้านช่องในสมัยเอโดะ ซึ่งสมัยนั้นที่นี่เป็นโกดังที่ใช้ลำเลียงสะเบียงขนอาหาร ข้าวของต่างๆ ระหว่างทางจากโตเกียวไปเกียวนั่นเอง ถึงตอนนี้ก็ยังคงความสวยงามของสถาปัตยกรรมในสมัยนั้นไว้ได้เป็นอย่างดีเลย
เดินกลับมาขึ้นรถไฟที่ Kawagoeshi Station ตามแพลนที่วางไว้ เพื่อไปเอากระเป๋าเดินทางแล้วเข้าที่พักกัน
Leave a Reply